10 ร้านสเต็กนำเข้ารสชาติดี ที่คนรักสเต็กไม่ควรพลาดในกรุงเทพ

10 ร้านสเต็กนำเข้ารสชาติดี ที่คนรักสเต็กไม่ควรพลาดในกรุงเทพ

“สเต็กเนื้อพรีเมียม” ที่พิถีพิถันในการคัดสรรเนื้อเกรดพรีเมียม และใช้เวลาการย่างค่อนข้างนาน เพื่อให้ได้แต่ละเมนูที่ถูกใจคนรักเนื้อระดับพรีเมียมจริงๆ แบบนี้คนรักสเต็กตระเวนชิมเนื้อร้านยอดนิยมเพลินแน่ สเต็กแต่ละคำจาก 9 ร้านนี้จะดีต่อใจจนคนทานมากน้อยแค่ไหนต้องไปลองให้ได้นะคะ

Medium Rare Steak & Wine

ร้านสเต็กที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

Medium Rare Steak & Wine สเต๊กพรีเมียมร้านนี้เปิดบริการมาเป็นเวลา 3 ปีแล้วค่ะ นับว่าเอาใจคอสเต๊กพรีเมียมที่กำลังอยากทานเนื้อคุณภาพในราคาไม่แรงมากนักต้องมาให้ได้ค่ะ นอกจากราคาน่าลองเรื่องรสชาติการปรุงสเต๊ก วิธีการย่าง และที่สำคัญที่สุดคือการบริการ พร้อมที่จอดรถคือสิ่งที่น่าดึงดูด ทั้งรองรับความอร่อย และยังรองรับความสะดวกสบาย

ทางร้านมีเนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย มีให้เลือก 4 เกรดค่า
1. Australian 150 Day Grain Fed ANGUS Beef
2. Australian 270 Day Grain Fed Black ANGUS Beef
3. Australian Wagyu Beef 7-weeks DRY-Aged Prime Ribs
4. Australian Wagyu Beef 12-weeks DRY-Aged Prime Ribs (เนื้อที่ผ่านกระบวนการ DRY-Aged ทำให้เนื้อมีรสชาติเข้ม นุ่ม และหอมมากยิ่งขึ้น)

อีกเมนูที่อยากให้ลอง “1.9 กิโลกรัมกับวันพันธุ์แบลคแองกัส 270 วัน ราคากิโลกรัมละ 2,590 บาท ใครอยากทานสเต๊กพรีเมียมรสชาติดีราคาคุ้มค่ามาได้เลยที่ นอกจากสเต๊กพรีเมียมที่ร้านยังมีกุ้ง Lobster เป็นๆ ปู Taraba เป็นๆ ด้วยนะคะ คนรักเนื้อยังได้พบกับเนื้อ Dry Aged กันด้วย พลาดไม่ได้จริงๆ ร้านนี้ โดยจุดเด่นของทางร้านคือ ชิ้นโต ขนาดใหญ่ และเป็นงานที่ดีมากเหมาะสำหรับคนที่อยากจะกินหลายๆอย่างจ้า

พิกัด : 12/1 ซอย ประดิพัทธ์ 10 แขวง สามเสนใน เขต พญาไท จังหวัด กรุงเทพมหานคร

โทรศัพท์ : 063-838-5389

Facebook : facebook.com/MediumRareBangkok/


Arno’s Butcher and Eatery (Narathiwat Ratchanakarin Road)

10 อันดับร้านอาหารสเต็กในกรุงเทพคืออะไร

House Of Steak

ถัดมาที่บนถนนนราธิวาส ซึ่งเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบเนื้อวัว ต้องขอบอกว่าลองแวะมาที่ Arno’s Butcher and Eatery กันค่ะ เป็นร้านสเต็กชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาส 20 ร้านของเชฟ Arnaud Carre  ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อวัว ซึ่งสะสมประสบการณ์การทำงานจากร้านอาหารต่าง ๆ ในนิวยอร์ก จนได้มาเปิดร้านสเต็กของตัวเอง

บรรยากาศถูกตกแต่งมาในสไตล์ Casual แบบเรียบง่าย แต่มีสไตล์ เพิ่มดีเทลด้วยการใช้ผนังอิฐ ทำให้ดูคลาสสิค และอีกฝั่งได้ใช้กระจกในการออกแบบทำให้ร้านดูโล่ง โปร่ง สบาย ทำให้มองวิวจากภายนอกได้  อีกทั้งยังใช้โต๊ะไม้คลุมด้วยผ้าคลุมโต๊ะลายสก๊อตสีแดง ทำให้บรรยากาศของร้านดูเหมือนให้เป็นเหมือนบ้านที่ดูอบอุ่น มื่อเดินเข้ามาในร้านก็จะพบกับตู้ขายเนื้อวัวที่ได้ผ่านการบ่มมาเป็นอย่างดี โดยจะให้ลูกค้าสามารถเลือกเนื้อได้ตามความต้องการ  หลังจากนั้นก็จะนำเนื้อไปชั่งน้ำหนัก และนำไปย่างในระดับที่ลูกค้าเลือก

จานต่อมาที่อยากจะแนะนำและเป็นที่นิยมอยู่ไม่น้อยคือ Marrow Bones (350 บาท/กิโลกรัม) ไขกระดูกวัว ที่นำไปอบ ทำให้หอม รสออกมัน ๆ เสิร์ฟคู่กับขนมปังอบกรอบ และทางร้านยังแนะนำให้จิ้มเนื้อกับซอส เพื่อเพิ่มความอร่อย โดยมีมาให้เลือก ทั้งหมด 4 ซอส ได้แก่ ซอสเห็ด ซอสพริกไทยดำ ซอสทรัฟเฟิล และซอสแจ่ว (40 บาท/ซอส) Tasty Side Dishes

ปิดท้ายกับของกินเล่นกันค่ะ ทางร้านยังแนะนำให้สั่ง Spinach with Cheese (150 บาท) ผักโขมที่นำไปปรุงรส จากนั้นนำไปอบชีส เสิร์ฟมาร้อน ๆ นับว่าเป็นร้านสเต็กนำเข้าอีกที่และรสชาติที่ดีซึ่งมีคนบอกปากต่อปากให้ลองไปชิมกันค่ะ ใครที่เป็นสาวกสเต็กเนื้อทั้งหลาย ก็ลองแวะไปชิมกันนะคะ อาจจะฟินอร่อยเหาะจนเป็นร้านโปรดอีกที่ก็ได้

       พิกัด : 2080/2, ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 20 กรุงเทพมหานคร

      โทรศัพท์ : 02-678-8340

              Facebook : facebook.com/arnos.suanplu/


The Capital by Water Library

รีวิวร้านสเต็กที่ดีที่สุด

ถัดมาและต่อกันด้วยที่สเต็กเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่น และ ซีฟู้ดสดตรงจากทะเล เสิร์ฟแล้วที่ The Capital by Water Library ลองแวะมาให้รางวัลตัวเองด้วยสเต็กเนื้อหมูอิเบอริโคชั้นดี อาหารจานนี้อาจจะกลายเป็นอาหารจานโปรดของคุณก็ได้  ชอบทานสเต็กที่ความสุกระดับไหนบอกทางร้านได้เลย เชฟของทางร้านพร้อมปรุงให้ได้ตามความต้องการของคอสเต็กทุกคนค่ะ

เรามารีวิวเมนูฮอตฮิตที่ต้องสั่งค่ะ Baby cos salad (330) : มันคือ caesar salad ที่ใส่ไข่ออนเซน(ไข่ลวกยางมะตูม)ลงไป เพิ่มความหวาน และรสครีมมี่ ให้กับสลัด อร่อยดีประทับใจ

Porterhouse steak (750g/3300) : เปนเนื้อช่วงที่ชิ้นใหญ่สุดของส่วน T-bone ขอดีคือจะได้กินเนื้อจาก 2 ส่วนคือ striploin กับ tenderloin รสชาติเนื้ออร่อยมากกกก ย่างมาได้สุกกำลังพอดี หอมนุ่มไม่เหนียวเลย ให้เรทอร่อยติดอันดับต้นๆในเมืองเลย

Victoria Lamb (800/1600) : แทบจะไม่ได้กินที่เปนเอกลักษณ์ของเนื้อแกะ ก็อร่อยดีแต่ถ้าให้เลือกจานเดียว แนะนำสั่งเนื้ออร่อยกว่า

Pork chop (750g/1950) : อร่อยใช้ได้เลย แต่ปกติไม่เคยสั่งหมูเลย สั่งแต่เนื้อเลยไม่ค่อยมีตัวเปรียบเทียบในหัว แต่หมูก็คือหมู ถ้าเป็นคนกินเนื้อสั่งเนื้อเถอะค่ะ โดยเนื้อร้านนี้จะกินกับ เกลือเม็ด หรือไม่ต้องจิ้มจะไม่ซอสมาให้ ตามสไตล์ steakhouse ของแท้ เพื่อให้ได้ชิมรสชาติของเนื้อจริงๆ

Mashed potato (150) : เป็นที่เรียกเสียงเดียวกันค่ะว่า อร่อยมาก เป็น mash potato ที่อร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมาเลย เนื้อเนียนมาก รสหอมมัน คือ steak นิยังพอหากินร้านอื่นได้รสใกล้เคียง แต่จะมาซ้ำร้านนี้เพราะ mashed potato นิแหละฟินมาก

รสชาติของสเต็กส่วนใหญ่นะคะ จะมีรสที่อร่อยสูสีคู่กับร้านดังในโรงแรมเลย ด้านราคาก็พอๆกัน มีคนต่างให้ความเห็นว่าอร่อยเพราะใส่วัตถุดิบสดใหม่และเครื่องปรุงที่ถึงเนื้อแบบครบเครื่องจ้า

สำหรับร้านนี้จะมี complementary : เหล้าที่เปน signature ของที่นี่จิบล้างปากกินกับของหวานให้ทุกคน แก้วนี้ก็ประทับใจอร่อยดี แต่ใครขับรถมาอย่าเผลอกินเยอะหละ แบบแรงอยู่

พูดถึงเรื่องเมนูและรสชาติกันไปแล้ว มาเอ่ยถึงเรื่องบรรยากาศกันบ้าง นั่งตรงโถงหน้าบาร์ เพดานสูง ริมกระจก แอร์แอบไม่ค่อยเย็น แนะนำให้นั่งเข้าไปด้านในร้านหน่อย แอร์จะเย็นกว่า การตบแต่งเป็น theme ธนาคารใน Chicago ส่วนตัวชอบเพราะ ดูสว่างดี ปกติไปร้าน steak จะมืดๆทึมๆ ใครชอบแนวนี้ก็แนะนำให้ไปลองกันนะคะ

พิกัด : ชั้น 3 เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวา เขตสาทร จ.กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ : 061-852-5451 , 094-726 7777

Facebook : facebook.com/pg/bangkokeatbig


Journey of meats

รีวิวร้านสเต็กกรุงเทพ

ถัดมาในแนวบ้านสไตล์อิงลิชคอจเทจ 2 ชั้นถูกแปลงร่างให้กลายเป็นสเต็กเฮาส์ที่แบ่งพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของชั้นแรกให้เป็นโซนสำหรับสายเนื้อ ทั้ง US. Black Angus, Wagyu และ Thai French รวมไปถึงเนื้อ Dry-aged ที่ทางร้านทำเอง จุด ๆ นี้ก็เลือกจิ้มได้เลยตามน้ำหนักของเนื้อและความพอใจ โดยราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 140-600 บาท แค่ชื่อร้านก็การันตีแล้วว่าร้านนี้ เนื้อแบบเน้นๆ ไม่ว่าจะเนื้อวัว ไก่ หมู หรือแกะ ที่นี่เสิร์ฟเนื้อนำเข้าคุณภาพ คัดสรรมาอย่างดี ทั้งเนื้ออเมริกา ออสเตรเลีย หรือว่าโคขุนโพนยางคำ นอกจากนี้ยังมีเนื้อ Dry Aged ที่หมักจนนุ่มได้รสชาติโดยทางร้านเองสามารถเดินไปเลือกชนิด และขนาดได้ตามที่ต้องการจากตู้ แล้วเอาให้เชฟปรุงในแบบฉบับของทางร้านได้เลย

จุดเด่นของที่นี่นะคะ คือลักษณะวัตถุดิบที่คัดเนื้อชิ้นโต คุณภาพจัดเต็ม เป็นเนื้อแกะ (220-450 บาท) เนื้อไก่ (150-550 บาท) และเนื้อหมู (300 บาท) ก็สามารถเลือกสั่งได้เช่นกัน สมกับเป็นชื่อ Journey of Meats ที่แท้ทรู 

พอเลือกเนื้อสัตว์ที่ชอบได้แล้ว เชฟก็จะเอาไปปรุงเป็นสเต็กด้วยกระทะย่างหินลาวาภูเขาไฟ ข้อดีของกระทะแบบนี้คือมีกลิ่นสโม๊กเบา ๆ จากควันที่ได้จากน้ำและน้ำมันที่หยดลงบนหินลาวา หลักการปรุงง่าย ๆ ของร้านนี้คือการไม่ปรุงรสเยอะ ให้คุณภาพของเนื้อที่ดีทำหน้าที่ของมัน แล้วเสิร์ฟพร้อมซอสที่เลือกได้ทั้งแจ่วหอมแดง มิ้นท์ซอส เท็กซ์-เม็กซ์ บาร์บีคิว ซอสพริกไทยดำ ทาทาร์ซอส และเกรวี่

นอกจากเนื้อวัวที่ไม่ต้องการันตีความดีงาม ก็น่าจะพอรู้ว่าพีคแค่ไหน ก็ยังมีความพีคกว่านั้นสำหรับคนชอบเนื้อหมู คืออาหาตระกูลไส้กรอกหมูและแฮมรมควัน ที่ได้ร้านไส้กรอกขวัญใจชาวฮิปสเตอร์งานคราฟต์อย่าง Ham Khun John มาเป็นซัพพลายเออร์ให้

เราชอบชุดไส้กรอกรวม ที่มีทั้งไส้กรอกหมูสด ไส้กรอกหมูรมควัน ไส้กรอกเนื้อลูกวัว และไส้กรอกชีส (450 บาท) ทานคู่กับ Honey Mustard หรือ Sauerkraut Mustard สูตรพิเศษของที่ร้านก็ฟิน !

หรือถ้าใครถนัดเมนูไทย ๆ หน่อย ที่นี่ก็มีข้าวเนื้อน่องเอ็นแก้วสะดุ้งพริก (300 บาท) ที่เป็นเนื้อเอ็นแก้วเน้น ๆ ผัดพริกและสมุนไพรจนหอม แต่ถ้าใครอยากได้เมนูหน้าตาดีแถมยังกินสนุก เราแนะนำให้จัดชีสเบอร์เกอร์ดีลักซ์ (440 บาท) มาทานได้เลย ความเก๋อยู่ตรงการเสิร์ฟในสไตล์ D.I.Y. ที่ให้ชีสมาพร้อมกระทะและเตาเล็ก ๆ ละลายชีสเสร็จก็ปาดลงบนขนมปังได้ตามใจชอบ จะใส่ซอสมากน้อยยังไงก็เอาที่สบายใจสบายพุงกันเลย

อีกอย่างที่ร้านนี้จริงจังไม่แพ้กันคือซีเล็คชันของไวน์ลิสต์ (220-2500 บาท) ที่อิมพอร์ตมาจากฝรั่งเศส ชิลี สเปน อิตาลี ออสเตรเลีย อเมริกา และอัฟริกาใต้ สำหรับสายเนื้อคนไหนที่จริงจังเรื่องการ paring อาหารและไวน์ รับรองว่าที่นี่น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดในย่านพระราม 9-รามคำแหง เลยทีเดียวค่า

พิกัด : พระราม9 ซอย41 รามคำแหง24 กรุงเทพมหานคร

โทรศัพท์ : 0-2077-60608

Facebook : facebook.com/JourneyOfMeats/


Cocotte Farm Roast & winery

สเต็กมีสุขภาพดีกว่าไก่หรือไม่

โดดเด่นด้วยการนำวัตถุดิบชั้นดีจากโครงการหลวง และจากต่างประเทศมาปรุงรสในแบบฉบับความอร่อยแบบ
พรีเมียม โดยเฉพาะเนื้อที่เป็นเมนูไฮไลท์ของที่ร้านนี้ ใครสายเนื้อต้องห้ามพลาด MUST TRY!! นอกจากเนื้อแล้วยังมีเมนูเด็ดโดนใจอีกเพียบ ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับพรีเมียม ตกแต่งอย่างอบอุ่นพร้อมครัวแบบ Open ที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วร้าน ที่นี่เน้นเสิร์ฟอาหารคุณภาพที่วัตถุดิบคัดสรรจากฟาร์มมาสู่โต๊ะอาหาร เมนูเนื้อของที่นี่เด็ดจนต้องห้ามพลาดคือเมนูเนื้อส่วน Tomahawk ชิ้นโตที่ผ่านการย่าง และคงความฉ่ำของเนื้อมาอย่างดี สามารถเดินไปชมการปรุงเนื้อกันแบบสดๆ

Bone Marrow & Truffle Mustard – ขอแนะนำว่าเมนูเป็นเมนูแปลกใหม่ ที่หากินได้ค่อนข้างยากในบ้านเรา เพราะเป็นเมนูที่ทำมาจาก “ไขกระดูกวัวอบ” ซึ่งทำให้อร่อยค่อนข้างยาก เสิร์ฟมาพร้อมกับ ขนมปังกรอบ และ ทรัฟเฟิล มัสตาร์ด รสชาติของเมนูนี้ ค่อนไปทางเค็มของเกลือ มีความหอม ๆ มัน ๆ ด้วยตัวของไขกระดูกเอง มีความเหลวนิด ๆ ให้กินคู่กับหอม และ ทรัฟเฟิล มัสตาร์ด ที่มีความเปรี้ยวอ่อน ๆ และเผ็ดนิด ๆ กินพร้อมกับ ขนมปังกรอบ ๆ อื้อหือออ แปลกและอร่อยถูกปากจริง ๆ

Wagyu Beef Wellington (1690 baht) – เมนูเนื้อวากิว ที่ห่อด้วยแป้งพาย เนื้อวากิว medium rare ภายในเป็นซอสเห็ดกับแฮม ซ่อนอยู่ข้างใน เสิร์ฟมาพร้อมกับมันบด และซอสเกรวี่สูตรพิเศษ เวลาจะกินแล้ว ให้ราดซอสเกรวี่ มีความหอม ๆ มัน ๆ ลงบนเนื้อวากิว ที่มีความฉ่ำหอม บอกเลยว่าเป็นเมนูที่สาวกเนื้อนะคะติดใจมาก อร่อยมาก

French Snails 790 baht หอยทากฝรั่งเศส ตัวใหญ่ไซส์พิเศษ ส่งตรงมาจากแดนไกล ผัดกับซอสเนยกระเทียม สูตรอิตาเลียน กลิ่นนี่หอมมาแต่ไกลเสิร์ฟพร้อมกับไข่ยางมะตูมเยิ้ม ๆ เข้ากันดีเป็นที่สุดดด หอยทากชิ้นกำลังดี พอดีคำ ไม่เหม็น ไม่คาว เนื้อหนับหนับ คล้ายกินเห็ดมาก ๆ รสชาติของเมนูนี้ จะกินง่ายหน่อย กลมกล่อมแบบไทยนิด ๆ ใครที่ไม่ชอบแนวอิตาเลี่ยน ลองเมนูนี้ รับรองไม่ผิดหวัง

พิกัด : โครงการ Boulevard ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพมหานคร

โทรศัพท์ : 09-2664-6777

Facebook : facebook.com/cocottebkk/


Lovemetender le bistro

สเต็กที่มีรสชาติดีที่สุดคืออะไร

ถัดมา ณ ร้านของ Lovemetender le bistro ทางร้านบอกว่าเลือกใช้เนื้อเกรด USDA PRIME BEEF สายพันธุ์ Black Angus ทำสเต็ก ผ่านกรรมวิธี SOUS VIDE นานถึง 72 ชั่วโมง รวมไปถึงการเป็น The Market Place ที่ลูกค้าสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ซูวี (Sous Vide) (ซูวีในภาษาฝรั่งเศสคือการปรุงอาหารภายใต้ภาวะสุญญากาศ เป็นนวัตกรรมการปรุงอาหารโดยใช้อุณหภูมิต่ำ เป็นระยะเวลานานที่เรียกว่า Slow Cook) จากทางร้านกลับไปทำและรับประทานเองที่บ้านได้อีกด้วยค่ะ จุดเด่นที่โดนคือคนรักเนื้อพรี่เมียมเตรียมฟินไปตามๆ กัน และนอกจากนี้ยังมีเมนูปลาอีกมากมายที่เหมาะกับคนที่กำลังรักษาหุ่นได้ด้วยเช่นกันนะคะ

พิกัด : ที ที เอ็น อเวนิว (TTN Avenue) ชั้น 2 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ : 02 678 2048, 096 646 5944

Facebook : facebook.com/LoveMeTenderThailand/


Kuh Grill & Bar

สเต็กประเภทไหนที่ดีต่อสุขภาพที่สุด

มาถึงฝั่งย่านอารีย์กันบ้างสำหรับ Kuh Grill & Bar นับว่าเป็นร้านสเต็กที่เน้นความสบายแบบกันเอง เป็นร้านที่ให้บรรยากาศเหมือนมาทานสเต๊กที่บ้านเพื่อนหรือไม่ก็จะเป็นร้านที่อยากพาเพื่อนไปทาน เพื่อนที่เราไม่ต้องเกรงใจอะไรกันมาก ในบรรยากาศง่าย ๆ สบาย ๆ ที่เหมือนกับชื่อร้านที่เป็นคำพยางค์เดียว คูห์ ซึ่งหมายถึง วัวตัวเมียในภาษาเยอรมัน

ที่ Kuh Grill and Bar เราเสิร์ฟเนื้อ Australia Grain Fed 120 Days เนื้อ USDA Prime ทั้ง Rib Eye และ Tenderloin นอกเหนือจากนี้ทางร้านยังมีสุดยอดเนื้อ Wagyu A5 เกรดที่ดีที่สุดจากเมือง Saga ประเทศญี่ปุ่นให้ลูกค้าลิ้มลอง ในราคาที่ใคร ๆ ก็เอื้อมถึงอีกด้วย

พิกัด : 32/20 ซอยอารีย์ 2 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ : 095 254 4100

Facebook : facebook.com/kuhgrillandbar/


Wagyuism

ร้านอาหารสเต็ก 10 แห่ง

ต่อมาเป็นร้านขึ้นชื่อเรื่องเนื้อวากิวส่งตรงจากโกเบเชียวค่ะ เขานำวากิวมาครีเอตเมนูหลากหลายรูปแบบที่เป็นมากกว่าแค่สเต๊ก ปิ้งย่าง หรือชาบูสุกี้ ใช้ระบบจ่ายตามน้ำหนักเนื้อที่จะกิน พนักงานจะยกกล่องใส่เนื้อวากิวหลากหลายชิ้นส่วนมาให้เลือกถึงโต๊ะ พร้อมแปะป้ายบอกลักษณะ น้ำหนัก และราคาชัดเจน เลือกส่วนที่ชอบเพื่อให้เชฟนำไปประกอบอาหาร Wagyuism จริงจังเรื่องเนื้อถึงขนาดมีใบประกาศนียบัตรรับรองความเป็นเนื้อวากิวแท้จากแหล่งกำเนิด และยังได้โล่รับประกันคุณภาพ Kobe Beef Marketing & Distribution Promotion Association จากเมืองโกเบในญี่ปุ่นด้วย

ทุกคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเนื้อวากิว (Waygu) ด้วยสัมผัสอ่อนนุ่มและลายหินอ่อนที่แทรกบนผิวเนื้อ ทำให้วากิวเป็นที่กล่าวขานในหมู่คนรับประทานเนื้อและแวดวงอาหาร จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในเนื้อชั้นเลิศของโลก ด้วยคุณภาพอันสูงลิ่ว (ไม่แพ้ราคา) รวมถึงมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน และการควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ทำให้เนื้อชนิดนี้ครองใจทั้งคนญี่ปุ่นเอง และเหล่าฟู้ดดี้จากทั่วโลก

ร้านนี้ก่อตั้งโดย คุณแพรว และคุณพิ้งค์ (อาภารัตน์-สุดารัตน์ อดิเรก) เจ้าของกิจการนำเข้าเนื้อวากิวที่ชอบไปเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆ และหลงใหลเนื้อวากิวถึงขั้นไปถึงถิ่นกำเนิด เข้าฟาร์ม พูดคุยกับผู้เลี้ยงวัวท้องถิ่นและเชฟผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเนื้อวากิว จนได้มาเป็นผู้นำเข้าเนื้อวากิวที่ได้ใบรับรองและโล่รับประกันคุณภาพจากโกเบ

Wagyuism (วากิวอิสม์) สองพี่น้องเริ่มต้นด้วยการเป็นซัพพลายเออร์นำเข้าเนื้อวากิว และจัดส่งไปตามโรงแรมและร้านอาหาร รวมถึงลูกค้ากลุ่มเล็กอีกจำนวนหนึ่ง จนกระทั่งมีลูกค้ารายหนึ่งเปรยกับสองพี่น้องว่า “ทำไมถึงไม่เปิดร้านขายเนื้อวากิวเองเสียเลย แทนที่จะส่งให้ร้านอาหารเพียงอย่างเดียว” นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ Wagyuism ในที่สุด

              ด้านบรรยากาศของร้าน ออกแบบบรรยากาศภายในให้คล้ายตรอกยากูซ่า ไม่ว่าจะเป็นรอยสักที่อยู่บนกำแพง มีดอีโต้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ และโครงเหล็ก ต่างช่วยเสริมกลิ่นอายญี่ปุ่นผสมผสานกับอินดัสเทรียลลอฟต์ที่ดูทันสมัย ด้านหน้าร้านมีบาร์และชั้นวางเหล้าสูงเด่น ถัดเข้าไปเป็นที่นั่งโต๊ะเล็กและโต๊ะยาว ขึ้นไปที่ชั้นลอยก็ยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับศาสนิกชนคนรักเนื้อ พร้อมไฟนีออนรูปวัวโดดเด่น

จุดเด่นที่พีคสำหรับคนชอบเนื้อ และพลาดไปไม่ได้สำหรับ Smoked Wagyu Steak (ราคาตามน้ำหนัก + ค่าปรุงเนื้อ 150 บาท) สเต๊กเนื้อวากิวแบบไม่ธรรมดา คัดเฉพาะเนื้อเกรด A4-A5 หลังจากย่างเสร็จ นำไปรมควันด้วยไม้แอปเปิ้ลกลิ่นหอม เพิ่มอโรมาให้กับตัวเนื้อยิ่งกว่าเดิม โดยเนื้อก็เสิร์ฟมาแบบมีเดียมแรร์ (มักเป็นการเสิร์ฟแบบอร่อยที่สุด) คงความฉ่ำนุ่มชุ่มลิ้น เคียงด้วยผักย่างกับมันบด เพิ่มรสชาติให้เนื้อวากิวกับเครื่องจิ้ม 3 อย่าง (ซอสพอนซึ ยากินิกุซอส และเกลือ)

หลายคนอาจจะงงว่า ทำไมเนื้อวากิวจึงมีราคาสูง เรามาให้ข้อมูลกันค่ะ ว่าทำไมเนื้อวากิวจึงมีราคาสูง ใครที่สนใจจะลองไปนั่งชิม อยู่ใจกลางเมืองนี่เองค่ะ ลองเข้าไปชิมกันได้นะคะ คุณภาพดีและสะอาดปลอดภัย

พิกัด : 110/9 พระรามที่ 6 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ

โทรศัพท์ :  08 2232 2323

Facebook : .facebook.com


Il Fumo

ร้านสเต็กที่ดีที่สุดในกรุงเทพ

ร้านอาหารในรูปแบบ Fine Dining ร้านนี้เขาเปิดตั้งแต่ 5 โมงครึ่งจนถึงเที่ยงคืนกันค่ะ ใครที่มองหาสไตล์ดินเนอร์กันสำหรับร้านอาหารยามเย็น ดินเนอร์แบบโรแมนติก แนะนำเลยจ้า ที่นำเสนอเมนูอาหารที่หาทานได้ยากมากๆในประเทศไทยอย่าง “อาหารโปรตุเกสในรูปแบบสมัยใหม่” ที่ได้รับการดูแลโดยเชฟ Nelson Amorim ชาวโปรตุเกสโดยต้นกำเนิดผู้รังสรรค์อาหารโปรตุเกสที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก (นอกจากทาร์ตไข่และขนมหวานที่เป็นแรงบรรดาลใจของขนมไทยโบราณหลายๆชนิด) มาผนวกเข้ากับกรรมวิธีการสมัยใหม่พร้อมด้วยการนำเข้าวัตถุดิบชั้นเลิศ อาทิ เนื้อ Carne Barrosa จากโปรตุเกศ ปลาค้อดแอร์ดราย กุ้ง Violet Prawn ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ แฮมอย่างดีและอีกมากมาย

เดินเข้ามาก็ต้องสะดุดตากับตู้โชว์เนื้อ Dry Aged สารพัดชนิด ที่นี่เป็นร้านอาหารสไตล์อิตาเลียนแท้ๆ เน้นเสิร์ฟเนื้อคุณภาพ ย่างบนเตาถ่านจากเชฟ Luca Appino เชฟชื่อดังความพิเศษของที่นี่คือ วัตถุดิบต่างๆ ย่างบนเตาถ่านจากเชฟ Luca Appino เชฟชื่อดังความพิเศษของที่นี่คือ วัตถุดิบต่างๆ ย่างบนเตาถ่านจากเชฟ

นอกจากนี้อาหารทั้งหมด 10 กว่าเมนูที่ผมได้ทานไปในมื้อค่ำนี้นั้นถือว่าทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและน่าสนใจมากๆ โดยผมขอยกพระเอกของมื้อนี้ให้กับ Meia Desfeita ที่เป็นเมนูปลาค้อดหมักแอร์ดรายทานคู่กับไอศกรีมมะกอกและซอสบลัดออเรนจ์ ส่วนนางเอกนั้นขอยกให้ขนมหวานรูปผลส้มที่มีวัตถุดิบหลากหลายรสชาติแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว (เชฟให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยว่า ชื่อโปรตุเกศนั้นคล้ายกับคำที่แปลว่า “ผลส้ม” ด้วย) แนะนำให้มาลิ้มลองด้วยค่ะ

เมนูทานเล่นคำเล็กทั้งหมด 3 อย่าง อันประกอบไปด้วยโคนเบอราต้าชีสหน้าคาเวียร์ไข่หอยทาก (ไข่หอยทากจริงๆ – แปลกดี) แป้งกรอบหน้ามูสเนื้อปลาค้อดและซุปใบคะน้าไส้กรอกโชริโซ่ ทั้ง 3 จาน แปลกใหม่มากและก็รสชาติดีทีเดียว

นอกจากเมนูทานเล่นกันแล้ว เรายังมีเมนูหลากหลายที่เกี่ยวกับเนื้อและวัตถุดิบประเภทต่างๆ ของร้านมานำเสนอให้ผู้อ่านเลือกตัดสินใจก่อนไปนั่งร้านนะคะ รับรองว่ามีหลากหลายทีเดียว

Violet Prawn / Memory of Carabineros – กุ้งไวโอเลตพรอว์นเนื้อสีแดงที่ผ่านการสะดุ้งน้ำร้อนระยะสั้นๆเสิร์ฟคู่กับมะนาวและซุปกัสปาโช่รสเข้มข้น

Meia Desfeita’ / Cod fish / Blood orange emulsion / Chickpeas / Olive oil icecream – เนื้อปลาค้อดหมักแอร์ดรายเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมมะกอกและซอสบลัดออเรนจ์ ที่ครบรสชาติหวานเค็มเปรี้ยวมันมากๆ ดีมากๆๆๆ

Bao & Barrosa / Carne Barrosa / Escabeche / Piri-Piri – ซาลาเปาไส้เนื้อวัว Carne Barrosa ตุ๋นที่มีกลิ่นหอมหวลเป็นเอกลักษณ์

และ Australian Wagyu ‘Diamatina’ (add 500++ THB) – เนื้อออสเตรเลียวากิวแบบมันแทรกกำลังดีระดับ Marble 5 ย่างแบบมีเดียมแรร์ได้เพอร์เฟ็คต์หอมมันละลาย เสิร์ฟคู่กับสลัดแฟนเนล มันฝรั่งทอดและพริกย่าง

มาถึงสไตล์ของหวานกันบ้าง  ‘Portokali.. Portakal.. Portokal’ / Pudim abade de Priscos / Orange / Black olive oil / Yuzu sorbet – ของหวานขั้นเทพที่ประกอบด้วยมูสส้ม ซอร์เบต์ยูสุ ครัมเบิ้ลและซอสนานาชนิดที่ทานทุกอย่างเข้ากันได้อย่างลงตัวมากๆ สั่งชาร้อนมาทานด้วยนี่ยิ่งฟิน

พิกัด : ถนนพระราม 4, สาทร (ห่างจาก MRT ลุมพินีประมาณ 5 นาที)

โทรศัพท์ : 02 286 8833

เว็บไซต์ : .ilfumo.co/

Facebook : web.facebook.com/ilfumobkk


New York Steakhouse โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ

    10 อันดับร้านอาหารสเต็กในกรุงเทพคืออะไร      

ปิดด้วยร้านสุดท้ายกันค่า สำหรับNew York Steak House เป็นร้านสเต๊กระดับพรีเมียมอีกร้านหนึ่งในย่านสุขุมวิท ตัวร้านอยู่บนชั้น 2 ของโรงแรม JW Marriott ในบรรยากาศแบบนิวยอร์ค ห้องอาหารตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้ม ตัดกับผนังโทนสีขาว ที่ประดับไปด้วยรูปถ่ายมหานครนิวยอร์คในสมัยก่อน ให้ความรู้สึกหรูหรา โดยนำเสนอเมนูสเต็กเนื้อชั้นเลิศจากเนื้อวัวคัดเกรดพิเศษที่มีให้เลือกทั้งเนื้อนำเข้าจากอเมริกา ออสเตรเลียและญี่ปุ่น รวมถึงซีฟู้ดชั้นเลิศจากทั่วโลกทั้งล็อบสเตอร์ตัวใหญ่และอาหารทะเลอีกนานาชนิด เคียงคู่กับเครื่องดื่มทั้งไวน์นำเข้าจากทั่วโลกและ
มาร์ตินี่ซึ่งเป็นค็อกเทลสัญลักษณ์ของมหานครนิวยอร์คฅฅ

              เข้ามาในร้านก็ต้องลองสั่งเครื่องดื่มเรียกน้ำย่อยกันก่อน วันนี้ได้สั่งค็อกเทลกัน ด้วยมาร์ตินี่สามแบบสามสไตล์ที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ได้แก่  Cosmopolitan (สีชมพู) , Kyoto (สีฟ้า)  และ 5th Avanue (สีเขียว)  เมนูที่ได้ชิมวันนี้ก็มี “Ribeye 14oz.” เนื้อนำเข้าจากอเมริกาเป็น USDA Certified Prime Beef แบบ Medium rare ได้เนื้อติดมันนุ่มชุ่มฉ่ำ ที่ตัดมาจากเนื้อส่วนซี่โครงตอนกลาง ได้รสชาติของเนื้อเต็มปากเต็มคำ ต่อด้วย “NY Striploin 12oz.” สเต๊กนำเข้าจากออสเตรเลีย ได้เนื้อแบบมีมันแทรก ข้างในสีแดงระเรื่อ แค่โรยเกลือทะเลลงบนสเต๊กก็อร่อยแล้ว ไม่ต้องพึ่งนํ้าจิ้มเลย  เมนูที่ว่านี้ก็คือ Steak Diane เนื้อไดแอนอเมริกันเซียไฟมาพอดีเสิร์ฟมาขนาด 8 ออนซ์ ด้วยความที่เป็นเนื้อ US จึงมั่นใจเรื่องความแน่นและเหนียวกำลังดีขนาดที่เสิร์ฟมาสามารถแชร์กันได้ 2-3 คน ได้ทีเดียวค่ะ เราสามารถสั่งระดับความสุกได้ แต่ที่แน่ๆ ไม่ควรสุกเกิน Medium นะค่ะ เพราะความฉ่ำภายในจะถูกลดทอนลงไป ไม่ได้รับประสบการณ์ความฟินอย่างที่ควรเครื่องเคียงก็จะมี Potato chip กรอบนอกนุ่มในชิ้นพอดีคำ Hash Brown กรอบๆ ที่เชฟเคลมว่าคุณจะชื่นชอบมากกว่าที่อื่นแน่นอน และ หน่อไม้ฝรั่ง นุ่มๆ เคี้ยวเพลิน ซอสที่เคียงมาก็มีให้ลิ้มลองถึง 3 แบบด้วยกัน ได้แก่ English Mustard, Pommery Mustard และ Dijon Mustard

มาถึงพระเอกของงานนี้ค่ะ Tomahawk Wagyu Roast Beef เนื้อออสเตรเลี่ยนวากิวโทมาฮอว์คหนักถึง 1 กิโลกรัมสามารถแบ่งได้ 2-4 คน ตัวเนื้อส่วนที่ติดกระดูกมีมันแทรกอยู่กำลังดี ความนุ่มระดับกลางที่แทบละลายในปาก หมักเครื่องเทศแล้วย่างไฟ Medium Rare ด้านนอกจะมีกลิ่นหอมเนื้อย่าง ด้านในจะฉ่ำ Juicy มาก เชฟจะแล่ให้เราต่อหน้าแล้วจัดเรียงลงจานที่ด้านล่างมีไฟจุดไว้อุ่นเนื้อให้ยังคงฉ่ำและไม่เย็นอยู่ตลอดเวลา เสิร์ฟพร้อม Potato Chip และ Rocket Salad ซอสบลูชีส พริกไทดำ และบาร์บีคิว มีให้รับประทานคู่กันกับ Tomahawk ส่วนใครที่ชอบความเป็นไทย ทางห้องอาหารก็มีน้ำจิ้มแจ่วให้ด้วยค่ะ แล้วบอกเลยว่าอร่อยมากๆ เข้ากับเนื้อมากๆ

พิกัด : โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพ 4 ซอย สุขุมวิท แขวง คลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110
            โทรศัพท์ :
02-656-7700

เว็บไซต์ : marriott.com/hotels/hotel-information


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับสถานที่ร้านสเต็กนำเข้าทั้งหลาย ก็คงถูกใจสำหรับคนที่ชอบทานเนื้อประเภทต่างๆ นับว่าก็คงเป็นที่ชอบและประทับใจ รวมไปถึงเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่จะพาครอบครัว หรือคนรักไปนั่งรับประทานอาหารด้วยกันในวันหยุดแบบท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ในคุณภาพของอาหารที่อร่อย สดใหม่ และถูกปากกันนะคะ ส่วนใครที่อยู่ย่านไหนและอยากลองไปชิม เผื่อจะเป็นร้านโปรดสักครั้ง ก็อย่าลืมศึกษาข้อมูลของทางร้าน เวลาปิดเปิดให้ดีก่อนเดินทางซะนะจ๊ะ จะได้ไม่เก้อกันและมีความสุขในวันดีๆ อีกวันค่า

Naphat Sukkunanan
Top Best Brand สุดยอดแบรนด์ที่ดีที่สุด
Logo