เรื่องของ ‘ผม’ ที่เรามักทำ และทำให้ผมเสีย  

1. หวีแบบไหนก็(ไม่)เหมือนกัน

หวีมีอยู่หลายแบบไม่ว่าจะเป็นหวีหรือแปรงเองก็จัดว่าเป็นหวีเช่นกัน แต่หวีแต่ละแบบมีหน้าที่ต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น เราควรใช้หวีซี่ห่างหวีผมเปียก และไม่ควรใช้หวีซี่เล็กหวีผมเปียก เพราะผมเปียกอ่อนแอมากกว่าปกติ การใช้หวีซี่เล็กจะทำให้ผมขาดร่วงได้ง่าย เป็นต้น

2. ลงครีมนวดเยอะเกินไปไม่ดีหรอก

ครีมนวดผมมักมีส่วนผสมของสารที่เรียกว่า ‘ไดมิธิโคน’ (Dimethicone) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผมนุ่มสวย อย่างไรก็ดี การใช้ครีมนวดมากเกินไป จะทำให้ผมเสียและแตกปลาย โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ การใส่ครีมนวดลงบนศีรษะโดยตรงอาจทำให้ผมมันได้

3. มัดผมแน่น ๆ

การมัดผมแน่นจนเกินไป หรือมัดผมเป็นประจำทุกวัน และทั้งวัน แม้จะดีเวลาที่เราไม่ได้สระผม หรือในวันที่อากาศร้อนมาก แต่การมัดผมแน่น ๆ เป็นประจำ อาจเสี่ยงให้ผมร่วงหรือผมบางลงได้ รวมทั้งการใช้หนังยางรัดผมเองก็ไม่ดีค่ะ เพราะยางจะกินผมและทำให้ผมร่วงโดยไม่จำเป็น

4. ใช้ผ้าเช็ดผมแรง ๆ

ไม่ถึงขั้นว่าทำไม่ได้ แต่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดค่ะ การใช้ผ้าเช็ดผมแรง ๆ จะทำให้ผมขาดและชี้ฟูได้ง่าย หลังจากสระผมเสร็จ ให้ใช้ผ้าค่อย ๆ ซับน้ำออกจากผมจะดีกว่าค่ะ

5. สระผมทุกวันสิดี

การสระผมทุกวันเป็นการกำจัดน้ำที่หล่อเลี้ยงหนังศีรษะและโคนผมออก ทำให้หนังศีรษะแห้ง และอาจก่อให้เกิดรังแคได้ แต่ในกรณีของสาวผมมัน(มาก) ก็ควรสระผมทุกวัน เพราะความมันจะดูดเอาสิ่งสกปรกเกาะติดเส้นผมและโคนผม จึงควรสระทุกวัน รวมทั้งควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนด้วยนะคะ

6. อยากผมแห้งเร็ว ใช้ความร้อนสูงสุดไปเลย

สาว ๆ หลายคนใจร้อน อยากให้ผมแห้งเร็ว ๆ แต่การใช้ไดร์เป่าผมด้วยความร้อนสูงสุด อาจไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก เพราะอาจจะทำให้ผมแห้ง กรอบ ไร้น้ำหนัก

7. ใช้แชมพูไหนก็เหมือนกัน

หากว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน ให้เริ่มจากสภาพเส้นผมของเราก่อนค่ะ เช่น ผมทำสี ก็ควรจะเลือกแชมพูสำหรับผมทำสี เพื่อให้สีผมอยู่ได้นาน พร้อมทั้งการดูแลเส้นผม เพราะการทำสีผมต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หรือสาวผมแห้ง ให้เลือกแชมพูที่มีส่วนผมของน้ำมันบำรุงผมมากกว่าสูตรปกติ เป็นต้นค่ะ

8. เข้านอนตอนผมเปียก

การเข้านอนทั้ง ๆ ที่ผมยังเปียกอยู่ ทำให้เกิดแรงเสียดสีกันของผม ส่งผลให้ผมชี้ฟู และพันกัน ยิ่งผมยาวด้วยแล้ว มันจะยิ่งพันกัน นอกจากนี้ การนอนทั้งที่ผมยังเปียกอยู่อาจเป็นเหตุให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้ มีแต่เสียกับเสียนะคะ

9. ลงสระว่ายน้ำตอนผมแห้ง

ผมแห้งเมื่อลงไปจุ่มน้ำในสระ เส้นผมจะอุ้มน้ำที่มีคลอรีนและสารเคมีต่าง ๆ เข้าไป มากกว่าผมที่เปียก ซึ่งเป็นเหตุของสีผมแห้งเสีย ดังนั้น ก่อนจะลงสระว่ายน้ำให้ราดผมด้วยน้ำให้เปียกเสียก่อน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้สารเคมีเข้าสู่เส้นผม

10. ไม่แบ่งผมก่อนแปรง

โดยมากสาว ๆ เรามักจะหวีผมลงไปเลยทั้งแบบนั้น มันอาจจะง่าย สะดวก แต่การหวีผมแบบนั้นจะทำให้เราต้องดึง เพื่อให้ผมที่พันกันคลายออก เส้นผมก็จะขาดออกจากกัน หรือ หลุดมาทั้งเส้นเสีย ดังนั้น ก่อนจะหวีหรือแปรงผมให้แบ่งช่อผมออกมาประมาณ 2 ข้อนิ้ว เพื่อง่ายต่อการหวีและจัดทรง

เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับสาวผมสวย

ไม่ว่าใครก็อยากมีเส้นผมที่สวย น่าสัมผัส แต่บางครั้งสภาพผมธรรมชาติของเราก็ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ไม่เป็นไร ตราบใดที่เราใส่ใจดูแล ผมเราจะต้องสวยขึ้นได้อย่างแน่นอนค่ะ ซึ่งวิธีการก็ไม่ยากเลย ลองทำตามวิธีด้านล่างต่อไปนี้ดูนะคะ

1. แชมพูที่หมดอายุแล้วก็ต้องทิ้งเท่านั้น

ทุกอย่างมีวันหมดอายุ แม้แต่แชมพูเองก็เช่นกันค่ะ ซึ่งแชมพูมีอายุอยู่ได้ 2-3 ปีเท่านั้น หากพบว่าแชมพูหมดอายุแล้วก็ไม่ควรนำมาใช้อย่างเด็ดขาด เพราะตัวแชมพูอาจเกิดการแยกตัวและเกิดการเสื่อมสภาพ นอกจากไม่ช่วยบำรุงแล้วยังทำให้อุดตันหนังศีรษะอีกด้วย ดังนั้น อย่าเสียดายค่ะ ทิ้งไปเลย

2. จะสระผมต้องดูอุณหภูมิน้ำให้ดี

หลายคนอาจกำลังถกเถียงกันอยู่ว่า ควรจะใช้น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นสระผมดี จริง ๆ แล้ว ควรใช้ทั้งน้ำเย็นและน้ำอุ่นในการสระผมค่ะ โดยให้เริ่มจากน้ำอุ่นก่อน น้ำอุ่นจะช่วยชะล้างสิ่งสกปรกได้ง่ายกว่าน้ำเย็น จากนั้นให้บีบแชมพูลงบนมือ นวดให้เป็นฟอง ก่อนจะชโลมผม ไม่ต้องขยี้ผมแรงนะคะ ค่อย ๆ ใช้ปลายนิ้วนวดเบา ๆ จากนั้นให้ปิดท้ายด้วยการล้างออกด้วยน้ำเย็นค่ะ เพื่อปิดเกล็ดผมและช่วยรักษาความชุ่มชื่น

3. เรื่องอาหารการกินก็สำคัญกับเส้นผม

สุขภาพผมที่ดี ส่วนหนึ่งมาจากสารอาหารที่ร่างกายได้รับการอาหารการกิน หากเรากินอาหารที่มีสารอาหารไปเลี้ยงผมไม่พอล่ะก็ สุขภาพเส้นผมก็อาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งสารอาหารที่ดีต่อเส้นผมก็ได้แก่ สังกะสี กรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีน ไบโอติน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอที่พบได้ในผักผลไม้สด ธัญพืช ปลา และในผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันด้วยนะคะ เพื่อให้ร่างกายและเส้นผมชุ่มชื่น

4. แสงแดด…เลี่ยงได้เลี่ยงเลย

ปัจจัยอีกหนึ่งอย่างที่ทำร้ายเส้นผม นั่นคือ ‘แสงแดด’ โดยเฉพาะแสงแดดในช่วง 10 โมง ถึง บ่ายสอง ซึ่งเป็นช่วงที่แดดแรงและมีความเข้มข้นสูงที่สุดของวัน ดังนั้น หากจำเป็นต้องออกไปข้างนอกในตอนที่แดดแรง ก็ควรสวมหมวกเพื่อป้องกันเส้นผม ทั้งนี้ ร่มอาจจะกันไม่ดีพอ เพราะมีโอกาสที่รังสียูวีจะสะท้อนเข้าทำลายผมได้

5. ระวังไดร์ แกนม้วนลอน และที่หนีบผมให้ดี

อุปกรณ์สำหรับผมเหล่านี้ แม้จะช่วยให้ผมเป็นทรงสวย แต่ความร้อนก็ทำร้ายเส้นผมของเราด้วย ควรเว้นระยะการใช้งานอุปกรณ์ความร้อนพวกนี้ ไม่ควรใช่บ่อย ใช้ประจำทุกวัน ในกรณีต้องการให้ผมแห้ง ควรใช้ผ้าซับ ๆ ให้แห้งมากที่สุด จากนั้นค่อยใช้ไดร์ความร้อนปานกลางเป่า หรือปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ หรือหากต้องการม้วนลอนหรือที่หนีบ อาจใช้น้ำมันใส่ผมก่อนเพื่อป้องกันความร้อน และที่สำคัญ อย่าใช้แกนม้วนลอนกับที่หนีบผมในตอนที่ผมเปียกเด็ดขาด เพราะอาจทำให้ผมของเราไหม้ได้ค่ะ

6. ใส่ใจการยืด ดัด ทำสีให้มาก

ไม่ว่าจะเป็นการยืด ดัด หรือทำสีผม ต่างก็เป็นการทำร้ายผมทั้งสิ้น หากเป็นไปได้ พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยืด ดัด และทำสีจะดีที่สุดค่ะ แต่ถ้าห้ามใจไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องใส่ใจกันมากหน่อย และรู้จักเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำร้ายเส้นผมให้น้อยที่สุด

• ดัดและยืด เป็นการใช้น้ำยาเคมีกับเส้นผมโดยตรง ทำให้ผมแห้ง อ่อนแอ และเปราะบางง่าย ดังนั้นนั้นจึงไม่ควรทำบ่อย ๆ และพร้อมหมั่นบำรุงผมหลังจากทำด้วย
• ทำสี การทำสีมีอยู่ 2 ประเภท คือ ทำสีแบบชั่วคราวและทำสีถาวร การทำสีถาวรจะทำให้ผมเสียมากกว่าทำสีแบบชั่วคราว

ทริกฟื้นคืนผมเสียให้กลับมาสวย

                สำหรับสาวคนไหนที่กำลังกลุ้มใจกับผมเสียอยู่ ไม่ต้องเศร้าใจไป มาทางนี้ค่ะ มีทริกในการจัดการกับผมเสียและช่วยให้ผมกลับมาดูสุขภาพดีได้อีกครั้ง

1. เติมความชุ่มชื่นให้ผมด้วยมอยซ์เจอไรเซอร์

สำหรับผมที่เสียจากสารเคมี ซึ่งทำให้ผมแห้งหยาบกร้าน จำเป็นที่จะต้องได้รับการความชุ่มชื่นเป็นพิเศษ ดังนั้น หลังจากสระผมเสร็จแล้ว อย่าลืมลงครีมนวดผม หรือครีมหมักผมสูตรที่สามารถใช้ได้ทุกครั้งหลังสระผม รวมทั้งลีฟออนมอยซ์เจอไรเซอร์ ก็จะช่วยให้ผมไม่ฟู หยาบกร้านได้ค่ะ

2. เล็มปลายผมบ่อย ๆ

สาวผมยาวส่วนใหญ่กลัวการเล็มปลายผม เพราะมักจะเจอช่างตัดผมที่ไม่เข้าใจคำว่า ‘เล็มออกนิดเดียว’ ใช่มั้ยล่ะคะ (ไม่เป็นไรค่ะ เข้าใจเลย) แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเรากำลังเผชิญหน้ากับผมเสียล่ะก็ มีแต่จะต้องยอมค่ะ เพราะเวลาที่ผมเสีย มักจะมีผมแตกปลายพ่วงมาด้วย มีทางเดียวที่จะแก้ผมแตกปลายได้ นั่นคือการตัดออก ถึงอย่างไรผมที่แตกปลายไปแล้วไม่มีทางที่จะกลับมาดีได้อย่างเดิมค่ะ ตัดทิ้งไปเลยจะดีกว่า นอกจากนี้การหมั่นเล็มผมบ่อย ๆ ช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้นอีกด้วยนะคะ

3. ทำทรีทเมนต์

หลังจากทำสีผม ดัด หรือยืด ผมจะสูญเสียความชุ่มชื่นไป เกล็ดผมจะแตกออก ดังนั้น วิธีหนึ่งที่จะช่วยรักษาสภาพเส้นผมให้กลับมามีสภาพที่ดีได้ การทำทรีทเมนต์ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยได้ ลองเข้าร้านทำผมทำทรีทเมนต์สักเดือนละครั้งก็พอค่ะ หรือถ้าใครที่ผมเสียมาก ๆ ก็ให้ทำทรีทเมนต์ เดือนละ 2 ครั้ง

4. อย่ารังเกียจน้ำมันบำรุงผม

สาว ๆ หลายคนกลัวการใส่น้ำมันบำรุงผม เพราะไม่อยากให้ผมมัน ดูสกปรกใช่มั้ยล่ะคะ ? แต่ถึงอย่างนั้น น้ำมันบำรุงผมก็ดีต่อผมเสีย ช่วยไม่ให้ผมดูแห้งกรอบ พร้อมทั้งยังสามารถกักเก็บความชุ่มชื่นได้ดีในวันที่อากาศแห้งหรือต้องอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ ตลอดทั้งวัน ซึ่งการใช้น้ำมันบำรุงผมนั้น ให้เทน้ำมันลงบนมือ ถูไปมา ก่อนจะชโลมแค่เฉพาะปลายผมเท่านั้น ห้ามใส่ลงบนโคนผม หรือหนังศีรษะโดยตรงเด็ดขาดนะคะ ไม่อย่างนั้นผมก็จะมัน ดูสกปรก

5. (กิน)อาหารดีที่ช่วยบำรุงผม

นอกเหนือจากการบำรุงผมจากภายนอกแล้ว ก็ยังสามารถบำรุงผมจากภายในควบคู่กันไปได้นะคะ ด้วยการทานอาหารที่มีวิตามิน หรือเกลือแร่ที่จะช่วยบำรุงเส้นผม โดยสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเส้นผมก็ได้แก่ โปรตีน สังกะสี ไบโอติน และธาตุเหล็ก เช่น ไข่ ถั่ว ปลาแซลมอน ผักโขม น้ำมันมะพร้าว ข้าวโอ๊ต กรีกโยเกิร์ต และฟักทอง เป็นต้น นอกจากจะทานแล้ว อาหารเหล่านี้ยังเอามาทำครีมหมักผมสูตรธรรมชาติได้ด้วยนะคะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว มีสูตรหมักผมง่าย ๆ จากธรรมชาติมาฝากกันค่ะ

• โยเกิร์ต + ไข่แดง (แก้ผมแตกปลาย แห้งเสีย)

นำโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 5 ช้อนโต๊ะ และไข่แดง 1 ฟอง ผสมเข้าด้วยกัน ใช้หมวกคลุมผมคลุมผมให้เรียบร้อย ทิ้งไว้นาน 15 นาที สำหรับผมที่เสียมาก แนะนำให้หมักเพิ่มอีก 10 นาทีค่ะ จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด

• น้ำมันมะพร้าว + กล้วยหอม (ช่วยผมจากความร้อน)

นำกล้วยหอม 1 ลูก ผสมกับน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 2-3 ช้อนโต๊ะ กวนให้เข้ากันแล้วพักไว้ จากนั้นเอามานวดให้ทั่วเส้นผม และหนังศีรษะที่เปียกหมาด ๆ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างออก

• น้ำผึ้ง + ไข่แดง (ผมนุ่มมีน้ำหนัก)

ใช้ไข่แดง 2 ฟอง ผสมกับน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ จากนั้นนำมาชโลมให้ทั่วทั้งหนังศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ 30-60 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

• ไข่ขาว + มายองเนส + โยเกิร์ต (ลดผมชี้ฟู)

นำไข่ขาว 1 ฟอง มายองเยส 2 ช้อนโต๊ะ และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาชโลมให้ทั่วทั้งหนังศีรษะและเส้นผม หมักทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก

การดูแลเส้นผมไม่ใช่เรื่องยากค่ะ แค่ต้องรู้จักเลือกและใส่ใจในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม อย่าง แชมพู ครีมนวดผม สเปรย์ หรือแม้แต่ครีมหมักผม เพราะผมสำคัญไม่แพ้ใบหน้าเลยนะคะ ต่อให้หน้าสวยเป๊ะ แต่ถ้าผมไม่รอดก็อดปังจริงมั้ยคะ