10 ร้านอาหารเกาหลีอร่อยฟินสไตล์กิมจิ ต้องลอง

10 ร้านอาหารเกาหลีอร่อยฟินสไตล์กิมจิ ต้องลอง
ขึ้นชื่อว่าร้านอาหารเกาหลีแล้วเชื่อว่าคงจะไม่มีใครไม่รู้จัก ประเทศเกาหลีสร้างวัฒนธรรมหลากหลายและพยายามส่งออกวัฒนธรรมไปทั่วโลก โดยเฉพาะ ทวีปเอเชียของเราที่ได้รับอิทธิพลจากการสร้างวัฒนธรรมของประเทศเกาหลีเป็นอย่างดี ทำให้ อาหารเกาหลีเป็นที่นิยมในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย แต่การหาอาหารเกาหลีดีๆสักร้านไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นวันนี้บทความนี้ได้พาทุกท่านไปดู 10 อันดับร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เพื่อประหยัดเวลา และเป็นทางเลือก ในการเลือกร้านอาหารเกาหลีกับผู้อ่าน
สิ่งที่จะใช้ในการเลือกร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯของคุณ มีดังนี้
(1) ความสะอาดของร้าน
ร้านอาหารเกาหลียอดนิยมในกรุงเทพฯ ต้องสะอาด พื้น ผนังเพดานอยู่ในลักษณะที่สะอาด เก็บข้าวของเป็นระเบียบเรียบร้อย บริเวณที่ล้างภาชนะ อุปกรณ์ต้องอยู่ในลักษณะสะอาด ยิ่งอยู่สูงจากพื้นอย่างน้อยสัก 60 เซนติเมตรยิ่งดีใหญ่ ถ้าร้านแช่อาหารสดไว้ในถังน้ำแข็ง ต้องแยกถังน้ำแข็งสำหรับกินกับถังที่แช่อาหารสดออกจากกัน เพราะเนื้อสัตว์ที่ยังไม่ได้ปรุงตลอดจนผักสดต่างๆอาจมีเชื้อก่อโรคหรือพยาธิปะปนอยู่ ความร้อนจากการปรุงจะทำลายเชื้อเหล่านี้ได้ แต่หากเนื้อสัตว์ดิบสัมผัสกับน้ำแข็ง การปนเปื้อนเชื้อก่อนโรคเข้าสู่ร่างกาย อาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าที่คิดก็ได้ ส่วนในด้านของห้องน้ำควรสะอาด มีสบู่และน้ำเพียงพอต่อการล้างมือ
(2) เจ้าของร้านและพนักงานเสิร์ฟต้องดูดี สะอาดสะอ้าน
สิ่งหนึ่งที่จะรู้ว่าร้านอาหารเกาหลียอดนิยมในกรุงเทพฯ นั้นสะอาดหรือไม่ ให้ดูได้ที่การแต่งกายของเจ้าของร้านและพนักงานเสิร์ฟ หรือผู้ที่ต้องสัมผัสกับอาหารก่อนถึงมือเรา ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด รัดกุม ไม่ใส่เครื่องประดับที่อาจหลุดร่วงลงในอาหารใส่หมวกหรือเน็ตคลุมผม ป้องกันผม เหงื่อหรือสิ่งอื่นหลุดร่วงลงไปในอาหาร อาจใส่หน้ากากอนามัยเพื่อปิดปาก เพื่อป้องกันการไอ จาม ลงไปในอาหาร ควรมีอุปกรณ์ช่วยในการสัมผัสอาหารไม่ใช่มือหยิบจับอาหารโดยตรง กรณีที่ผู้ปรุงหรือสัมผัสอาหารมีบาดแผล ควรปกปิดบาดแผลด้วย
(3) อุปกรณ์ทำอาหาร อุปกรณ์ประกอบอาหารรวมถึงเครื่องครัวทั้งหมดต้องสะอาด
ร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯต้องสะอาดตั้งแต่กระบวนการล้างไปจนถึงการเก็บ โดยให้สังเกตอุปกรณ์ที่ทำความสะอาดแล้ว โดยสังเกตง่ายๆ เช่น ช้อน ส้อม จาน ชาม เตา กระทะ ต้องสะอาดไม่เป็นมัน ตะกร้าหรืออุปกรณ์ที่ใส่ควรมีลักษณะโปร่ง เพื่อไม่ให้มีน้ำขังอยู่ภายใน จาน ชาม หรือแก้วน้ำต้องอยู่ในลักษณะคว่ำป้องกันฝุ่น แมลง หรือสิ่งปนเปื้อนอื่นสัมผัสกับจานหรือชามนั้นๆ
(4) ความอร่อย
ร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯต้องมีความอร่อยมาอันดับ 1 โดยสามารถสังเกตได้จากจำนวนลูกค้าในร้าน การต่อแถวรอ การรีวิว การบอกต่อ หรือการไปออกรายการโทรทัศน์ เป็นต้น
(5) มีอาหารเกาหลีหลากหลาย
ขึ้นชื่อว่าเป็นบุฟเฟ่ต์อาหารทะเล ก็ต้องมีอาหารทะเลหลากหลาย อีกทั้งต้องสด สะอาดด้วย ไม่เช่นนั้นอาจทำให้มีเชื้อโรคปนเปื้อนได้
(6) มีป้ายรับรองคุณภาพอาหารต่างๆ
ร้านอาหารเกาหลียอดนิยมในกรุงเทพฯ ควรมีป้ายอาหารปลอดภัยเนื่องจากมีหน่วยงานจำนวนมาก ที่อยู่ภายใต้สังกัดของกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับสุขภาพของคนไทยในชีวิตประจำวัน จึงมีการกำหนดมาตรฐานของร้านอาหาร เมื่อร้านใดผ่านเกณฑ์ก็จะมีเครื่องหมายรับรองกำกับไว้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นการรับรองคุณภาพของอาหารประจำว่า ปลอดภัยกับสุขภาพเรา นอกจากนี้อาจเป็นป้ายแม่ช้อยนางรำ อะไรประมาณนี้ยิ่งดีใหญ่
(7) ราคาสมคุณภาพ
ร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯควรมีราคาที่เหมาะสม ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป เพราะหากราคาถูกมากอาจเกี่ยวกับมาตรฐานของอาหารได้
(8) บริการดีเยี่ยม
ร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯควรมีบริการที่ดีเยี่ยม เพราะถึงอาหารจะรสชาติดีอย่างไรแต่บริการไม่ดีก็ไม่ทำให้ประทับใจได้
10 ร้านอาหารเกาหลีอร่อยฟินสไตล์กิมจิ ต้องลอง
The Bibimbab
มาที่ร้านแรก หากอยากเปิดประสบการณ์ทานอาหารเกาหลีแท้ๆ ต้องไม่พลาดร้านนี้ เพราะนอกจากความอร่อยแล้วอาหารทุกจานที่ทำอย่างพิถีพิถันโดยเชฟชาวเกาหลีเพื่อให้ได้รสชาติต้นตำรับที่แท้จริง พร้อมกับบรรยากาศในร้านสไตล์โมเดิร์น เรียบง่าย เป็นกันเองเหมือนอยู่บ้าน ที่สำคัญไม่ต้องบินไปไกลถึงเกาหลีแค่ เดินทางมาในซอยสุขุมวิท 24 ต้นตำรับอาหารเกาหลีก็รอคุณอยู่ที่นี่แล้ว
เดอะ บิบิมบับ (The Bibimbab) มีเมนูแสนอร่อยขึ้นชื่ออย่างข้าวยำเกาหลี ซึ่งเป็นชื่อหนึ่งในเมนูยอดฮิตของอาหารเกาหลี หรือเรียกเป็นภาษาไทยง่ายๆ ว่าข้าวยำเกาหลี ถึงขนาดเอาชื่อเมนูมาตั้งชื่อร้าน ไม่บอกก็รู้แล้วว่าเมนูนี้ต้องเป็นซิกเนเจอร์ของร้านแน่นอน โดยในหนึ่งชามจะมีทั้งเนื้อสัตว์หมัก ผักชนิดต่างๆและพริกเกาหลีคลุกเคล้ากันอย่างลงตัว อย่างเช่น Special Bibimbab บิบิมบับเนื้อ ข้าวยำเกาหลีร้านนี้พิเศษกว่าร้านอื่นตรงที่ส่วนผสมข้าวยำมีมากถึง 13 อย่างในชามเดียว ก่อนจะวางเบอร์เกอร์เนื้อบดชิ้นโตไว้ด้านบนคู่กับปลาทอด เป็นอันเสร็จพร้อมเสิร์ฟในชามหินร้อนๆ มาถึงโต๊ะแล้วยังมีเสียงซู่ซ่าอยู่เลย ก่อนทานให้ใส่น้ำมันงาเล็กน้อยกับซอสพริกคลุกเคล้าให้เข้ากัน หอมกลิ่นเนื้อและข้าวที่เกรียมติดชามหิน ยิ่งขูดมากินจะได้กลิ่นเกรียมดูเป็นเกาหลีสุดๆ นอกจากนี้ก็ยังมี ชอนทงบิบิมบับ(ตำรับดั้งเดิม), บุลโกกิบิบิมบับ(ข้าวยำตำรับเนื้อย่าง), เชยุ่กบิบิมบับ(ข้าวยำสูตรหมูผัดพริกเกาหลี) สำหรับคนเร่งรีบ Dakgabi Salad Dosirak ชุดอาหารกล่องไก่ ในชุดมีข้าว สลัด เครื่องเคียง ซุป และไก่ผัดซอส มีครบจบในกล่องเดียว ไก่ผัดซอสรสชาติออกหวาน เผ็ดนิดๆ กินพร้อมข้าวอร่อยมาก แกล้มกิมจิกับไข่หวานด้วยแล้วแป๊บเดียวอิ่มแปล้ อิ่มง่ายทานสะดวก เมนูหลักผ่านไปมาถึงเมนูน้ำแกงกันบ้าง Gimchijjigae ซุปกิมจิหมู รสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อมคล้ายแกงส้มบ้านเรา ซดร้อนๆ คล่องคออย่าบอกใคร เมนูสุดท้ายก่อนกลับ ไก่ผัดซอสเผ็ด เมนูใหม่เพิ่งทำออกขาย เนื้อไก่ผัดซอสเผ็ดเกาหลีคู่กับหอมหัวใหญ่และกะหล่ำปลี เพิ่มความจัดจ้านด้วยพริกชี้ฟ้า โรยหน้าด้วยงากับต้นหอมญี่ปุ่นซอย รสชาติเผ็ดกว่าทุกจานแต่ถือว่ากำลังดีถูกปากคนไทย มาลิ้มลองอาหารสัญชาติเกาหลีได้ที่เดอะ บิบิมบับทุกสาขาแล้วคุณจะติดใจสมกับเป็นร้านอาหารเกาหลีที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯจริงๆ
พิกัด: 43/29 ซ.สุขุมวิท 31 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพ (121.46 km)
กรุงเทพมหานคร 10510
เวลาทำการ: 11:00 – 22:00
เว็บไซต์: www.thebibimbab.com
facebook : www.facebook.com/thebibimbab
เบอร์โทรศัพท์: 02 662 1122
Jang Won BBQ
Jang Won Korean BBQ สำหรับคนชอบเนื้อวัวน่าจะชอบร้านนี้ เพราะเป็นร้านอาหารเกาหลีสไตล์ปิ้งย่าง ตกแต่งสไตล์ทันสมัย ที่เอาใจคนชอบเนื้อวัว จึงมีเมนูเนื้อวัวที่หลากหลาย ส่วนเนื้อหมูมีสองอย่าง คือ หมูติดมัน กับคอหมูที่มีกระดูกหมูติดมาด้วย ในเรื่องรสชาติไม่ว่าจะเป็นเนื้อมีรสชาติของซอสหมัก อร่อยกลมกล่อม แถมยังมีเครื่องเคียงให้เลือกมากมายถึง 12 จานกันเลยทีเดียว ที่สำคัญเพียงสั่งหมู จานเดียวทางร้านก็จะเปิดเตาให้ ปิ้งเอง/หรือมีพนักงานปิ้งให้ เราจึงเลือกความสุก เกรียมได้ ซึ่งเตาปิ้งจะเป็นเตาแบบไล่น้ำมันทิ้ง สำหรับเมนูเด็ดมีหมูสามชั้น, หมูหมักซอส, เครื่องเคียง, ซุปกิมจิ หมูสามชั้นย่าง ส่วนหมู3ชั้น คล้ายเบคอน แต่หั่นหนากว่า เตาปิ้งจะใช้เตาแบบรีดไขมัน คือมีรูทิ้งสำหรับน้ำมันหมูเมื่อโดนความร้อน หมูจะเกรียมไม่แฉะน้ำมันนัก โดยซอสจะเป็น น้ำมันงาใส่พริกไทยเกลือ ตามด้วยซอสถั่วเหลือง ทานห่อผักกาดขาว/หรือผักหอม ใส่พริก กระเทียมสด หมูหมัก หมูหมักชิ้นใหญ่ติกกระดูก พนักงานจะมาตัดแยกหมูเป็นชิ้นพอดีคำ และแยกส่วนกระดูก หมูหมักมานุ่ม และเข้ารสมาก อร่อยไม่แพ้หมูสามชั้นเลย น้ำแกงกิมจิ น้ำแกงพร้อมข้าวสวย ซุปกิมจิเข้มข้น ผักนิ่ม ในชามยังมีชิ้นหมูนุ่มๆ อร่อยถูกใจ น้ำแกงเดนจังจะเกะ เป็นน้ำแกงเต้าหู้ใส่เต้าเจี้ยวหมัก พร้อมหอย และเต้าหู้ อร่อยอีกเช่นกันราเมงเกาหลีแบบเย็น ก็น่าสนใจ แพนเค้กเกาหลี ก็อร่อย เรียกได้ว่ามาร้านนี้ที่เดียว มีอาหารหลากหลายชนิดในรสชาติใกล้เคียงกับทานที่เกาหลีจริงๆ
มาที่ด้านบรรยากาศโดยรวมบ้าง หน้าร้านเป็นกระจกเปิดโล่งทำให้มองเห็นคนในร้าน จึงดูโล่งโปร่งสบาย ภายในตกแต่งแนวบ้านๆกว่าเจ้าอื่นหน่อย ออกแนวล้งเล้ง กลิ่นเนื้อย่างรมควันมากๆ กินเสร็จกลับบ้านอาจต้องสระผมแน่นอน ส่วนเรื่องการบริการ พนักงานร้านนี้น่ารักมาก บริการไว พนักงานเดินกันเยอะ สั่งอะไรง่ายดี หากคุณต้องการทานอาหารเกาหลีที่อร่อยเหมือนทานที่เกาหลีจริงๆ Jang Won BBQ คือคำตอบค่ะ
พิกัด: สุขุมวิท 12 (ชั้น 1 สุขุมวิทพลาซ่า ซอยสุขุมวิท 12) คลองเตยเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร
เปิดบริการ ทุกวัน : 09:00 – 23:30
เว็บไซต์: facebook.com/JangWon-BBQ
เบอร์โทรติดต่อ 02-251-2636, 088-894-6642
Kongju Korean Restaurant
Kongju เป็นห้องอาหารเกาหลีแห่งแรกของประเทศที่เปิดมาพร้อมกับช่วงโรงแรมเปิดใหม่ๆนานกว่า 20 แล้ว การันตีด้วยรางวัลห้องอาหารเกาหลียอดเยี่ยมของประเทศไทย จึงมั่นใจได้ว่ารสชาติจะต้องอร่อยสมคำล่ำลือและรางวัลแน่นอน ห้องอาหารนี้มีบริการบาร์บีคิวบุฟเฟ่ต์ตามสั่งทั้งเนื้อวัว เนื้อหมู ซี่โครงหมู ไก่ กุ้ง ปลาแซลมอน ปลากะพง เมนูปิ้งย่างเกาหลีจะเน้นไปที่ความนุ่นของเนื้อ โดยเนื้อจะหั่นมาเป็นชิ้นโตๆ ให้ย่างสุกกำลังดี นำมาตัดด้วยกรรไกรเป็นชิ้นพอคำ วางลงบนผักสดทานคู่กันรับรู้ความหวานๆ ของเนื้อหมัก เครื่องเคียงที่มีให้เลือกหลากหลาย สำหรับเมนูเด็ดที่จะขอแนะนำคือ เจ้าหญิงปทุมวัน (แต่ถ้าเป็นที่อื่น เรียกว่า เจ้าหญิงนพเก้า เพราะมีส่วนประกอบเก้าอย่าง ซึ่งหาที่ทำอร่อยในไทยค่อนข้างยาก) ต้องบอกว่าอร่อยมาก อร่อยชนะเลิศ ไม่มีที่ไหนทำได้เหมือน โดยเฉพาะ เนื้อแป้ง เนียนมาก นุ่มมาก และอีกจุดเด็ด คือ น้ำจิ้ม ยังไงก็ไม่มีใครเหมือน นอกจากนี้ก็ยังมี อบเชยร้อน ที่เป็นเมนูปิดท้ายมื้ออาหารได้ อุ่นท้อง แถมยังได้กลิ่นหอมละมุนของอบเชย ทำให้เคลิ้ม เพลินเหลือเกิน ถ้าจะต่อด้วย น้ำแข็งไสอีกนิด ก็ทำให้เราสดชื่นขึ้นมา แก้เลี่ยนได้อย่างดี เป็นอีกร้านอาหารเกาหลียอดนิยมในกรุงเทพฯ ที่แนะนำจริงๆ
พิกัด: 444 อาคาร ชั้น 2 โรงแรมปทุมวันปริ๊นเซส ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10300
เว็บไซต์: www.pprincess.com
Facebook: facebook.com/KongjuKorean
เบอร์โทรศัพท์: 02-216-3700
Supia Korean BBQ Buffet
Supia Korean BBQ Buffet ร้านอาหารเกาหลียอดนิยมในกรุงเทพฯ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมนูอาหารของร้านก็จะเป็นอาหารเกาหลี มีทั้งแบบเมนูจานเดียว และเนื้อย่าง จะกินแบบบุฟเฟต์หรือไม่บุฟเฟต์ก็ได้หมด ราคาอาหารจานเดียวของร้านก็จะอยู่ที่ราวๆ 150 บาท บวกลบนิดหน่อย แต่ถ้าจะกินแบบบุฟเฟต์ก็จะตกที่ราคาคนละ 299 บาท โดยบุฟเฟ่ต์จะมีสารพัดเนื้อให้ได้เลือกทานได้อย่างจุใจ ไม่ว่าจะหมูเกาหลีเนื้อหมูชิ้นใหญ่หนานุ่ม หมูสามชั้นหมักซอสเกาหลี ที่มาพร้อมกับเครื่องเคียงสไตล์เกาหลีแท้ๆ ส่วนน้ำจิ้มเกาหลีที่ออกรสเผ็ด หวานเค็ม กลมกล่อม นอกจากนี้ก็ยังมีพลุโกกิ เป็นเอววัวชิ้นใหญ่ๆ ที่หมักออกมาได้เนื้อนุ่มมาก เอามาปิ้งกินจนสุกแล้วเอากรรไกรมาตัดเป็นชิ้นๆเพื่อกิน เอามากินแล้วเนื้อจะนุ่มหวานอร่อย จิ้มกับน้ำจิ้มเผ็ดของร้านอาหารเข้ากันดีเลย เนื้อหมูหมักซอส เนื้อนี้จะอร่อยน้อยกว่าพลุโกกินิดหน่อย แต่ก็อร่อยไม่แพ้กัน เนื้อหมูจะสีแดงๆจากการหมัก กินแล้วจะได้รสหวานเครื่องเทศมากกว่า เนื้อหมูก็นุ่มอร่อยทานง่ายเช่นกัน ส่วนเครื่องเคียงนั้น ทางร้านให้มา 4 อย่างด้วยกัน รสชาติก็อร่อยแบบเกาหลีดี กิมจิก็อร่อย และถั่วลิสงก็อร่อยหวานๆมันๆดี
สำหรับบรรยากาศของร้าน ร้านจะเป็นตึกแถวสองห้องแถวอนุสาวรีย์ เจ้าของร้านเป็นคนเกาหลี ดูแลร้านเอง จึงเป็นร้านที่ดูง่ายๆเป็นกันเอง หากคุณคิดถึงอาหารเกาหลีที่นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี
พิกัด: 495 ถนนราชวิถี แขวงพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร, 10400
เวลาเปิด 10.30-22.00 น.
เว็บไซต์:www.facebook.com/supiabuffet
เบอร์โทรศัพท์: 02-644-9599
Bulgogi BBQ 26
ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีอีกร้านที่หลายๆคนชื่นชอบและเลยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด เนื่องจากทางร้านคัดเลือกเนื้ออย่างดีจากประเทศออสเตรเลีย เมนูปิ้งย่างรสเด็ดมีให้เลือกทั้งหมู เนื้อ และ ไก่ อาทิ เนื้อสเต็กสันนอก สันคอหมูหมักซอสเกาหลี สันคอหมูมันๆ นุ่ม หมูสามชั้นราดซอส เนื้อไก่หมักซีอิ๊ว เนื้อไก่หมักซีอิ๊ว ส่วนน้ำจิ้มจะมี 3 แบบคือ ซอสหวาน ซัมจัง และ เกลือน้ำมันงา และเครื่องเคียงของที่นี่เมื่อสั่งเนื้อหนึ่งจานจะจัดให้มา 3 อย่าง ซึ่งจะสับเปลี่ยนกันไปในแต่ละอาทิตย์
สำหรับที่มาของชื่อ “บูล” เป็นคำภาษาเกาหลีแปลว่าไฟและ “โกกิ” คือเนื้อสัตว์ดังนั้นทุกจานเนื้อย่างไฟจึงเรียกว่า ‘Bulgogi’ เนื้อหมักของที่นี่พร้อมด้วยผักมีการเก็บรักษาไว้อย่างดีทำให้ bulgogi เป็นอาหารที่ดีสำหรับทุกคนแน่นอน นอกจากนี้ Bulgogi Brothers ยังมีชาข้าวบาร์เลย์ฟรีให้คุณได้ดื่มเพิ่มความสดชื่น ไม่เพียงเท่านี้คุณยังได้เพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารหลากหลายประเภทตั้งแต่ A La Carte – Barbecue & Bulgogi – ข้าว & ก๋วยเตี๋ยวไปจนถึงซุปและสตูว์ จานแนะนำของที่นี่คือ Un-yang Style Bulgogi; ย่างเนื้อวัวพาสต้าเนื้อวัวอเมริกันย่าง รสชาติอร่อยมากกับเกลือพริกไทยและน้ำมันงาหรืออาจจิ้มกับซอส Bulgogi Brothers BBQ ก็ได้เช่นกัน
ที่ Bulgogi Brothers ประเทศไทยที่นี่มี Ginseng Chicken กับ Abalone Soup ซึ่งในเกาหลีใต้ทุกคนเชื่อว่าการกินไก่ตัวเมียก่อนฤดูร้อนอาจเสริมสร้างสุขภาพกายของพวกเขาด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัด นอกจากนี้ยังให้คุณได้ลองรสชาติต่างๆของ Bibimbap, Spicy Bulgogi ชีส Bulgogi รวมทั้งกุ้งมังกรต้มทั้งในซุปปลากะตักและซุปถั่วเหลือง เมื่อคุณมาทานอาหารของที่นี่ขอให้มั่นใจได้เพราะ Bulgogi Brothers ได้รับรางวัล Best Korean Restaurant 2011, 2012, 2013 ในรางวัล Korean National Brands Award มาแล้ว
พิกัด: 115 ชั้น 1 โครงการนิฮอนมาชิ ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
เวลาเปิด: 11.30-22.00 น.
เว็บไซต์: bulgogibrothers.co.th
Facebook: facebook.com/Bulgogi.Brothers.Thailand
เบอร์โทรศัพท์: 02-258-4894
Kosirae
โคชิแร Kosirae ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแท้ๆ ความเด็ดของ Kosirae คือเป็นร้านอาหารเกาหลีแบบปิ้งย่างต้นตำรับ เพราะเจ้าของร้านเป็นชาวเกาหลี ซึ่งวิธีการทานอาจแตกต่างจาก หมูกระทะ ที่บ้านเราเรียกว่า “หมูกระทะเกาหลี” อย่างลิบลับเลยทีเดียว โดยที่นี่จะเสิร์ฟหมูมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ แล้วก็มาย่างบนเตาไฟแรงสูง ก่อนจะก็ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นพอคำ แล้วย่างต่อให้สุกอีกนิด ทานกับผักกาดหอม โดยเอาผักกาดหอมสดมาห่อ แล้วก็ทานเป็นคำๆ กิมจิก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิมจิผักกาดขาวที่เราเห็นกันเป็นประจำตามร้านอาหารต่างๆ หรือจะเป็นกิมจิแตงกวา และที่เด็ดที่สุดคงเป็นกิมจิมะละกอฝอย ทั้งอร่อยทั้งทานง่าย ควรค่าแก่การจัดมาลิ้มลอง และยังมีเครื่องเคียงอีกมากมาย ให้ได้เลือกทานคู่กับเนื้อย่างหมูย่างแสนอร่อย เมนูเด็ดของที่นี่ หมูสามชั้นหรือเบคอนสไลซ์มาชิ้นโต หนากำลังดี ย่างทีเจอเปลวไฟลุกพรึบเลยทีเดียว, ซี่โครงหมูย่างและเบคอนหมัก จะเป็นเนื้อส่วนซี่โครง และเบคอนหมักซอสโคชูจัง สีแดง ๆ ทำให้มีรสชาติ ชิ้นใหญ่มากเหมือนกัน การเสิร์ฟทำได้รวดเร็วมากทางพนักงานจะนำเครื่องเคียง เนื้อหมู ไก่ น้ำจิ้ม มาวางไว้พร้อม มีทั้งแบบหมักซอส หรือไม่หมักแล้วก็เครื่องเคียง ผัก แบบเกาหลี ที่เขาเติมให้ตลอด น้ำเปล่ามีรวมด้วย ทั้งนี้เตาปิ้งจะเปลี่ยนให้ตลอด สำหรับราคาจะอยู่ที่ 299 บาท+ 5% servicecharge. ไป 2 คน ทานได้ 1.30 ชั่วโมง. ไป 4 คน ทานได้ 2 ชั่วโมง. หรือหากต้องการทานแบบ a la carte ก็มี ให้เลือกเหมือนกัน
พิกัด: 97,99 ซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ )
เวลาเปิดบริการ ทุกวัน : 11:30 – 22:00
เว็บไซต์:www.facebook.com/kosirae
เบอร์โทรศัพท์: 02-714-8683
Tudari
Tudari เป็นร้านสไตร์เกาหลีที่อาจมองว่าธรรมดาไม่มีอะไรมาก แต่ถ้าได้มาลองทานจริงๆจะรู้ว่ามันเด็ด เผ็ดจัดจ้านมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นชินดังดงต๊อกบกกี เพิ่มหมูดำคุโรบูตะ และ fish ball ซึ่งจะเป็นซอสรสเผ็ด และหากยังไม่เผ็ดพอใจก็สามารถขอเพิ่มพริกซอยได้ฟรีอีกด้วย โดยในเซตจะมีสารพัดเครื่องทั้งผัก เต้าหู้ปลา ปูอัด ผักกะหล่ำ ต้นหอมญี่ปุ่น มาม่าเกาหลีก้อนโตๆ ลูกชิ้นต่างๆ ทานตอนร้อนๆฟินมาก ทั้งเผ็ดร้อนถูกใจ เหมือนทานสุกี้แบบเกาหลี แบบเผ็ดร้อนๆเลยทีเดียว ซึ่งที่ถูกใจของที่นี่เห็นจะเป็นบรรดาเครื่องที่อัดแน่นเต็มกระทะ ทานหม้อนึง 2 คนอิ่มกำลังดีเลย เหมาะกับทานกับเพื่อนๆนั่งล้อมวงกันรอบกองไฟอะไรแบบนั้น ส่วนถ้าใครไม่ชอบทานแบบกระทะร้อนก็ยังมีอีกหลายเมนูให้เลือกทาน เช่น สไปซี่จาจางเมียน (Spicy Jajangmyeon) อุด้งราดซอสดำ ที่มาพร้อมปลาหมึกเด้งๆ ซอสดำ เค็มหวาน ราดซอสให้เยอะ อร่อยไป สำหรับ เครื่องเคียง ที่นี่ฟรี เติมได้ไม่อั้น กินจิให้เยอะ เปรี้ยวไม่มาก แตงกวาดองเปรี้ยวๆ ส่วนผักอันเขียวๆรสชาติจืดๆ น้ำเปล่า 30บ., น้ำโค้ก 45บ., ชาเขียวรีฟิว 50บ. เป็นอีกร้านที่น่าไปลอง
พิกัด: ตั้งอยู่ที่ Rama 1 Road (ชั้น 7 central World) ปทุมวัน , ปทุมวัน , กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิดบริการ ทุกวัน : 10:00 – 22:00
เว็บไซต์: facebook.com/tudarithailand
เบอร์โทรศัพท์: 02-252-6696
The Tongkeungui
ร้านอาหารเกาหลีสุดฮิตอีกหนึ่งร้านที่คนต่อคิวเยอะมากๆ ที่นี่เสิร์ฟอาหารเกาหลีแท้ ๆ รสชาติเหมือนต้นตำรับไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อริบอาย เนื้อนุ่มสีสวยแผ่นใหญ่, เซตเนื้อหมู The Tongkeun Signature Set เซตนี้ทานได้ 2-4 คน ประกอบด้วย กระบังลมหมู, หมูสามชั้น, สันคอหมูหมัก เนื้อทุกอย่างคุณภาพเน้น ๆ ย่างทีหอมสุด ๆแถมมีดีที่พนักงานมาช่วยปิ้งให้ ด้านรสชาติก็เข้มข้น น้ำจิ้มเด็ด มีเครื่องเคียงเติมได้ไม่อั้นเลย เป็นอีกร้านที่จัดว่าเด็ดมากเลยทีเดียว
พิกัด: ตั้งอยู่ที่ 218/7 สยามแสควร์ ซอย 1 (ในสยามสแควร์ซอย 1 เยื้องๆ กับโรงหนังสกาลา) ปทุมวัน , ปทุมวัน , กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิดบริการ ทุกวัน : 11:00 – 22:00
เว็บไซต์: facebook.com/Tongkeungui
เบอร์โทรศัพท์: 02-252-8392
Kimkun Korean Style Bistro Korean Town
มาที่ร้านที่มีความเป็นเกาหลีสุดๆ บรรยากาศในร้านมีความเกาหลี ทีวีในร้านก็เปิดรายการเพลงของเกาหลี แถมที่ร้านยังจะมีบริการถุงมือให้จะได้ไม่เลอะมือกันแต่อาจใช้ยากนิดนึง สุดท้ายก็ต้องถอดเพราะใส่ก็เลอะอยู่ดี ทางที่ดีแนะนำให้ไปล้างมือแล้งทานดีกว่า สำหรับเมนูเด็ดที่นี่มีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น chicken ring half and half แกงกิมจิ ข้าวผัดกิมจิมีไข่ผสมชีสมาข้างๆ รสชาติถือว่าโดนใจมาก โดยเฉพาะไก่อร่อย ชิ้นใหญ่ ซอสก็ดี มีชีส ข้าวโพดมาให้ทานคู่กันฟินสุด ซุปกิมจิ ก็รสชาติดี ส่วนพนักงานบริการใช้ได้เลย หากคุณชอบอาหารเกาหลีร้านนี้ไม่ไปไม่ได้แล้ว
พิกัด: ถนนสุข (อยู่ใน Korea Town ร้านอยู่ฝั่งขวามือ ตรงลานน้ำพุ) คลองเตยเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิดบริการ จันทร์ – ศุกร์ : 11:00 – 05:00, เสาร์, อาทิตย์ : 11:30 – 06:00
เว็บไซต์: facebook.com/kimkun.thailand
เบอร์โทรศัพท์: 02-255-5503, 085-181-8282
JJANG
JJANG ร้าน “จัง” ชื่อน่ารักๆแบบนี้มีความหมายว่า “BEST” แปลเป็นภาษาไทยว่าสุดยอด ซึ่งหากใครได้ลิ้มรสชาติที่ร้านนี้ก็ต้องบอกว่ามันยอดเยี่ยมสมชื่อจริงๆ แบบต้องยกนิ้วให้ โดยเป็นร้านอาหารเกาหลีที่ขายเน้นหม้อกระทะร้อนๆ อย่างTopokki,Jim Dak, Dak gal bi แล้วก็ยังมีเมนูอื่นๆแบบเกาหลี เช่น Mandu, Kim Bab,riceball ที่เป็นที่ขึ้นชื่อของเค้า ร้านนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬาเลย สังเกตได้ว่าจะมีบันไดดำๆ มาถึงแล้ว ก็เดินขึ้นไปชั้น2 บรรยากาศจะสลัวๆหน่อย ไฟสว่างจากโคมไฟอ่อนๆ แต่ทำให้ดูน่านั่งทาน สบาย ชิวๆ บรรยากาศ เหมาะกับพาเพื่อนๆ มาทานสนุกๆ สำหรับเมนูเด็ด เมื่อไปถึงพนักงานก็จะนำเมนูมาให้ แล้วตามด้วยสลัดผัก 1 ที่ต่อโต๊ะ อันนี้เติมไม่ได้ Jim Dak จิมดักเป็นอาหารพื้นเมืองของเมืองอันดง จึงเรียกว่าอันดงจิมดัก ในหม้อจะมีไก่มีกระดูกตุ๋น กับวุ้นเส้นเกาหลีซึ่งทำมาจากมันฝรั่งหวาน แล้วนำไปตุ๋นรวมกับ มันฝรั่ง หัวหอมใหญ่ แครอท พริก ปรุงด้วยซอสถั่วเหลือง จนได้รสชาติกลมกล่อมแบบต้นตำหรับ เราสามารถเลือกขนาดได้ว่าจะสั่งแบบไซด์ S (549 บาท) เหมาะกับ 2 ท่าน L (949 บาท) เหมาะกับ 3-4 ท่าน และเลือกซอสได้ว่าจะรับเป็นซอสถั่วเหลือง หรือซอสพริกแดงเกาหลี ซึ่งซอสนี้จะถูกต้มในหม้อเลย ไม่ใช่เอามาจิ้มๆข้างนอก ซอสพริกแดงจะเผ็ดกว่า ซอสถั่วเหลืองนิดหน่อย อย่างไรก็ตามสามารถ สามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ พอพนักงานมาเสริฟ เค้าก็จัดการคนๆ คลุกเคล้าต้มให้เข้าที่กัน แล้วเป็นอันเริ่มทานได้ ที่ชัดเจนนอกจากรสชาติที่เผ็ดร้อนจัดจ้าน หอมอร่อย เครื่องแน่นๆแล้ว จะบอกว่าไก่ที่แม้จะเป็นแบบติดกระดูก แต่เค้าทำได้นุ่มอร่อยมากเลย กระดูกเลาะออกง่าย ใครคิดว่าเผ็ดยังไม่สะใจจะให้พนักงานมาเติมซอส หรือเติมซุปให้เผ็ดน้อยลงก็ได้ ใครอยากสั่งพวกท๊อปปิ้งอะไรมาเพิ่มก็ได้ เช่น หมู ไส้กรอก ผัก เห็ด ต๊อก เส้นมาม่า อุด้ง ไข่ มีให้เลือกเยอะมากที่นี่เค้าก็มีผ้ากับเปื้อนให้ใส่ สามารถขอที่พนักงานได้เลย ส่วนการบริการของพนักงาน บริการดี เรียบร้อย น่ารักมาก
พิกัด: ตรงข้ามศูนย์หนังสือจุฬา
ร้านเปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น. (รับออเดอร์ถึง 21.30น.)
เว็บไซต์: facebook.com/jjangthailand
เบอรโทรศัพท์ : 095-002-4603