10 ร้านอาหารยุโรปรสชาติต้นตำรับของแท้ อร่อยฟินเว่อร์
10 ร้านอาหารยุโรปรสชาติต้นตำรับของแท้ อร่อยฟินเว่อร์
ยุโรปเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทย นิยมไปกันมากที่สุด เนื่องจากตัวเมืองที่สวยงาม วัฒนธรรมที่เก่าแก่ สภาพแวดล้อมต่างๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่คนเอเชียอย่างเราอยากจะไปลิ้มลองนั่นก็คือรสชาติของอาหาร แต่ก็มีคนหลายคน ที่ติดใจรสชาติอาหารของยุโรป เสียจนอยากจะไปกิน ซ้ำรวมถึงคนที่ไม่เคยไปกินอาหารยุโรปที่ประเทศท้องถิ่นนั้นเลย ตอนนี้มีร้านอาหารยุโรปที่เรียนสูตร และตำรับ มาจากทางยุโรปเอง 100% คุณภาพเรียกว่าได้มาตรฐาน รสชาติยอดเยี่ยม อร่อย และที่สำคัญ ทุกอย่างที่เราพูดเราหาเตรียมไว้ให้คุณบทความแล้ว
สิ่งที่จะใช้ในการเลือกร้านอาหารยุโรปที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯของคุณ มีดังนี้
(1) ความสะอาดของร้าน
ร้านอาหารยุโรปยอดนิยมในกรุงเทพฯ ต้องสะอาด พื้น ผนังเพดานอยู่ในลักษณะที่สะอาด เก็บข้าวของเป็นระเบียบเรียบร้อย บริเวณปรุงอาหารและบริเวณที่ล้างภาชนะ อุปกรณ์ต้องอยู่ในลักษณะสะอาด ยิ่งอยู่สูงจากพื้นอย่างน้อยสัก 60 เซนติเมตรยิ่งดีใหญ่ ถ้าร้านแช่อาหารสดไว้ในถังน้ำแข็ง ต้องแยกถังน้ำแข็งสำหรับกินกับถังที่แช่อาหารสดออกจากกัน เพราะเนื้อสัตว์ที่ยังไม่ได้ปรุงตลอดจนผักสดต่างๆอาจมีเชื้อก่อโรคหรือพยาธิปะปนอยู่ ความร้อนจากการปรุงจะทำลายเชื้อเหล่านี้ได้ แต่หากเนื้อสัตว์ดิบสัมผัสกับน้ำแข็ง การปนเปื้อนเชื้อก่อนโรคเข้าสู่ร่างกาย อาจก่อให้เกิดอันตรายมากกว่าที่คิดก็ได้ ส่วนในด้านของห้องน้ำควรสะอาด มีสบู่และน้ำเพียงพอต่อการล้างมือ
(2) พนักงานต้องดูดี สะอาดสะอ้าน
สิ่งหนึ่งที่จะรู้ว่าร้านอาหารอเมริกันนั้นสะอาดหรือไม่ ให้ดูได้ที่การแต่งกายของผู้ขาย หรือผู้ที่ต้องสัมผัสกับอาหารก่อนถึงมือเรา ผู้ซึ่งควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาด รัดกุม ไม่ใส่เครื่องประดับที่อาจหลุดร่วงลงในอาหารใส่หมวกหรือเน็ตคลุมผม ป้องกันผม เหงื่อหรือสิ่งอื่นหลุดร่วงลงไปในอาหาร อาจใส่หน้ากากอนามัยเพื่อปิดปาก เพื่อป้องกันการไอ จาม ลงไปในอาหาร ควรมีอุปกรณ์ช่วยในการสัมผัสอาหารไม่ใช่มือหยิบจับอาหารโดยตรง กรณีที่ผู้ปรุงหรือสัมผัสอาหารมีบาดแผล ควรปกปิดบาดแผลด้วย
(3) ความอร่อย
ร้านอาหารยุโรปที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯต้องมีความอร่อยมาอันดับ 1 โดยสามารถสังเกตได้จากจำนวนลูกค้าในร้าน การต่อแถวรอ การรีวิว การบอกต่อ หรือการไปออกรายการโทรทัศน์ เป็นต้น
(4) ราคาสมคุณภาพ
ร้านอาหารยุโรปที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯควรมีราคาที่เหมาะสม ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป เพราะหากราคาถูกมากอาจเกี่ยวกับมาตรฐานของอาหารได้
(5) มีบริการที่ดี
การบริการเป็นสิ่งสำคัญมากๆถึงแม้อาหารจะอร่อยอย่างไรแต่บริการแย่ก็จะทำให้เสียความรู้สึกได้
L’Atelier de Joel Robuchon
L’Atelier de Joel Robuchon ร้านอาหารสุดอร่อยติดอันดับต้นๆของเมืองไทย โดยการนำมาของเชฟชาวฝรั่งเศสคนดัง Joël Robuchon ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นเชฟแห่งศตวรรษและได้รับมิชลินสตาร์มากที่สุดในโลก นำรสชาติสุดพรีเมียมมาสู่ชั้น 5 ของตึกมหาชัยศูนย์ราชนครินทร์ ด้วยการตกแต่งภายในร้านคุมโทนการใช้แสงสีแดงตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีดำเพื่อสร้างความรู้สึกแบบเลานจ์ รวมไปถึงเคาท์เตอร์สูงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากทาปาสบาร์แบบญี่ปุ่นที่มองเห็นครัวแบบเปิด ท่ามกลางบรรยากาศราวกับสตูดิโองานศิลปะเพื่อชมการปรุงอาหารของเชฟ Olivier Limousin ที่เคยร่วมงานกับร้านอาหารชั้นนำที่ทั้งลอนดอนและปารีสมาแล้ว จึงมั่นใจได้เลยว่าร้านนี้จะไม่เป็นรองที่อื่นแน่นอน ส่วนเมนูอาหารก็เป็นอาหารฝรั่งเศสที่ใช้วัตถุดิบชั้นยอด ไม่ว่าจะเป็น Hokkaido scallop served with seaweed butter and lemon juice หอยเชลล์จากฮอกไกโดเสิร์ฟคู่กับเนยสาหร่ายและน้ำมะนาว หรือจะเป็น duck breast fillet that comes with braised duck legs and turnip เนื้อเป็นส่วนอกคู่กับขาเป็ดและหัวผักกาดเทอร์นิพ รวมไปถึงเมนูเจ็ดคอร์สก็ห้ามพลาดเช่นเดียวกัน La Saint-Jacques หรือ หอยเชลล์ชิ้นโตจากฮอกไกโด เซิร์ฟในซุปครีมฟักทองอุ่น ในอุณภูมิที่พอเหมาะ และเกาลัดตู๋นในสูตรฝรั่งเศส Le Black Cod” ปลาแบล็คคอดในมูสครีมหัวไช้เท้าและส้มยูซุ ตับห่านเทอร์รีน เสริฟ์พร้อมกันเจลลี่แพร์ เมนูสุดพิเศษในฤดูใบไม้ผลิ นอกจากนี้ยังมีรถเข็นขนมหวานหลากหลายชนิดที่สามารถเลือกสรรได้ตามความชอบในชีวิตประจำวันอีกด้วย
นี่คือรางวัลที่ L’Atelier de Joel Robuchon เคยได้รับ ซึ่งคุณจะมั่นใจได้เลยว่ามาทานอาหารที่นี่แล้วไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน
– BestLuxuryFamilyRestaurant
– BestRestaurantManager
– BestInteriorsDesignArchitecture
– BestWineSelection
พิกัด: ชั้น 5 อาคารมหาชัยศูนย์ราชนครินทร์เลขที่ 96 ถนนนราธิวาสราชนครินทร์แขวงสีลมเขตบางรักกรุงเทพมหานคร
เวลาเปิดร้าน อาหารกลางวัน: 11: 30- 14:00
Diner: 18:30-22:00
เว็บไซต์: robuchon-bangkok.com
facebook :facebook.com/atelier.bkk
เบอร์โทรศัพท์: 02 001 0698
The Gardens
The Gardens ร้านอาหารอร่อยย่านสุขุมวิท ที่บรรยากาศดีสุดๆท่ามกลางวิวสวนสวยด้วยเป็นวังเก่าของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารำไพประภา ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านร่มรื่นบรรยากาศดีๆขนาดนี้มาอยู่ที่นี่ได้ เพราะความความร่มรื่นของหมู่แมกไม้ และความโรแมนติก ตรงนี้จึงมีความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการหาเวลามานั่งรีแลกซ์ในวันสบายๆ หรือหลังเลิกงานเพื่อพักให้หายจากความเหนื่อยล้าเป็นที่สุด
ในด้านอาหารที่นี่อร่อยไม่แพ้บรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็น The gardens caesar salad + Chicken ผักที่เป็นผักปลูกเอง ทั้งสด กรอบ ราดน้ำสลัด โปะหน้ามาด้วยขนมปังกรอบ ปลาน้อย ไข่ยางมะตูม ส่วนไก่ก็นิ่มและมีรสมีชาติดี Espresso BBQ Pork Ribs เสริฟมาพร้อมกับ Cowslaw และมันฝรั่งชิ้นใหญ่ ตัว Ribs อร่อยและเปื่อยมาก บาร์บีคิวอร่อยและเข้าเนื้อ ตัวซี่โคร่งเปื่อยจนใช้มีดเลาะๆ ได้ ทานแล้วฟินเลย Prawn Olio Pasta พาสต้า ผัด กับกระเทียม พริกแห้ง น้ำมันมะกอก อร่อยใช้ได้ Proscutto Pizza พิซซ่าแฮม เป็นพิซซ่าแป้งบาง ที่โดยรวมอร่อยเอาอยู่ค่ะ หรือจะเป็น Camomile Tea ชา คาโมไมล ดื่มแล้วท้องไม่แน่น รสชาติดี นอกจากนี้ยังมีอาหารแสนอร่อยแกมากมาย ท่ามกลางบรรยากาศแสนสดชื่น ถ้าใครได้มาแล้วรับรองจะติดใจจนไม่อยากรีบกลับบ้านกันเลยทีเดียว
พิกัด : ซอย สุขุมวิท 59 และ 61 กรุงเทพฯ (ใกล้ BTS สถานีเอกมัย)
ร้านเปิดให้บริการ : 10.00-11.00 น.
เว็บไซต์: www.thegardenspalace.com
facebook: facebook.com/thegardenspalace
เบอร์โทรติดต่อ : 02 0714 2112
Eat Me
ร้านอาหารยุโรปยอดนิยมในกรุงเทพฯ “Eat Me” ติดอันดับที่ 23 ของ 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชียของปี 2016 จึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่าน่าจะอร่อยแน่ ซึ่งร้านนี้อยู่คู่กับย่านสีลมมาอย่างยาวนาน บรรยากาศร้านด้านนอกมีสวนเขียว สวยงาม ร้านมี 3 ชั้น ชั้นล่างเป็นบาร์ โทนสีดำทอง ประดับประดาด้วยเทียนรอบร้าน ให้ความรู้สึก ชิล สบายมาก ๆ สำหรับการสร้างสรรค์เมนูอาหารเป็นหน้าที่ของ Tim Butler เชฟดังจากนิวยอร์คที่ทำได้อย่างอร่อยอย่างลงตัว และหนึ่งในจานซิกเนเจอร์ของเชฟก็คือ pan-seared scallop หอยเชลล์ที่เสิร์ฟคู่กับมะม่วง พริก ผักชี double spicy lemongrass chicken that comes with lime, cucumber and chili (ไก่เสิร์ฟคู่กับมะนาว แตงกวาและพริก) และ Australian wagyu tomahawk (สเต๊กเนื้อ)
ไม่เพียงแค่ 2 เมนูนี้เพราะเมนูอื่นก็อร่อยไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Pork Chorizo กับชีส และน้ำผึ้ง Honey comb บอกเลยว่า คุณภาพดีทั้งจาน ชีสอร่อยมาก หอม ไม่เค็ม ไม่เลี่ยนเกินไป Chorizo คุณภาพก็ดี เผ็ดนิด ๆ เข้มข้น หรือจะเป็นขาเป็ด Duck confit ก็เป็นการทำอาหารที่เป๊ะมาก เป็ดกรอบนอก ด้านในนุ่ม ยุ่ย เสริฟ์มากับซอสรสชาตินัวมาก แถมมีไข่เป็ดชุบแป้งขนมปังป่นทอด ทอดให้ไข่ยังเป็นลาวา หั่นออกปุ๊บเยิ้มเลย ทานคู่กับเป็ด ผักดอง ฟินมาก ๆ White Asparagus with caviar จานนี้อร่อยมาก แอสพารากัส อ่อน เข้ากับซอส และแฮม กับแซฟฟรอนซอส คาเวียร์ ทานรวมกันคำเดียวในปากบอกเลยว่าอร่อยจนหยุดไม่ได้ เนื้อวากิว นุ่มมากแบบวางส้อมแล้วยุ่ยออกมาเลย ทานง่าย ไม่เลี่ยน มาที่ของหวานบ้าง ครีมบรูเล่มีกลิ่นตะไคร้ อร่อยละมุน ดาร์คช๊อกโกแลต ไม่หวาน ขมกำลังดี เนื้อเค้กฟูไม่หนักไป ช๊อกโกแลตเข้มข้นมาก ๆ สำหรับเครื่องดื่ม ที่นี่ได้รางวัลมาแล้วจากฝีมือ คุณป๊อป บาร์เทนเดอร์ชื่อดัง
และท้ายสุดเมื่อไม่นานมานี้ ห้องอาหาร อีท มี ได้รับเชิญจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้เข้าร่วมงาน World Travel Market ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ภายใต้แนวคิด “Eat Thai, Visit Thai” และคุณป๊อป บาร์เทนเดอร์มือรางวัลได้สาธิตวิธีทำค็อกเทล “ลาบหมู” อันเลื่องชื่อ ท่ามกลางผู้ร่วมงานมากมาย ถือเป็นโอกาสดี ที่ อีท มี ภาคภูมิใจ งานนี้ไปทานเถอะไม่มีผิดหวังแน่นอน
พิกัด:สีลม
เวลาเปิด : 15.00-1.00 น.
เว็บไซต์: eatmerestaurant.com
Facebook: facebook.com/eatmerestaurant
เบอร์โทรศัพท์: 02 238 0931
Freebird
Freebird ร้านอาหารออสเตรเลียในย่านสุขุมวิทที่ตกแต่งในแบบโมเดิร์นผสมกับความเป็นคันทรี่ และล้อมรอบไปด้วยสวนสมุนไพรที่สร้างความรู้สึกแสนสงบ ตัดกับถนนที่แสนวุ่นวายของสุขุมวิทอย่างสิ้นเชิง Freebird เป็น Bistro อันทันสมัยตั้งอยู่บนต้นไม้เรียงรายที่เงียบสงบซึ่งมีบ้านหลังเก่าที่สวยงามและสวนหย่อมซึ่งเป็นที่อยู่ของนกท้องถิ่นจำนวนมาก ที่นี่ได้แรงบันดาลใจมาจากการทำงานและเดินทางไปทั่วยุโรป ทั้งAustralasia แอฟริกา อเมริกาใต้ เพื่อให้ทุกคนได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบไม่เป็นทางการและเป็นกันเอง
ในด้านอาหาร Dallas Cuddy เชฟสร้างสรรค์ออกมาภายใต้แนวคิด “อาหารออสเตรเลียไม่มีขอบเขต” ที่นี่อยากให้ทุกคนได้รับประสบการณ์อาหารออสเตรเลียว่ามันไม่ใช่แค่อาหารกับไวน์เท่านั้นแต่รวมไปถึงความสนุกและความเป็นกันเองด้วย สำหรับเมนูแนะนำ เช่น A Taste of Freebird ซึ่งเชฟจะเลือก 10 เมนูมาให้ลอง เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง shaved squid with oyster cream, cucumber juice and seaweed butter ปลาหมึกสไลด์เสิร์ฟคู่กับครีมหอยนางรม แตงกวาและเนยสาหร่าย และ duck liver parfait profiterole with truffle honey and macadamia milk ตับเป็ดที่เสิร์ฟในรูปแบบพาร์เฟต์กับน้ำผึ้งทรัฟเฟิลและนมแมคคาเดเมีย ส่วนจานหลักก็มีให้เลือกทั้งพวกเนื้อและปลา slow-cooked kurobuta pork collar with pistachio, green olive purée and fennel หมูคุโรบุตะที่ถูกปรุงแบบช้าๆ พูเร่มะกอกและเฟนเนล และ 600-gram chunk of ocean trout with wakame butter, mussel escabeche and avruga caviar เนื้อปลาโอเชียนเทราต์ย่างเนยเสิร์ฟคู่กับคาเวียร์ที่เหมาะกับการทานกับเพื่อนถึง 2-3 คนเลย
ส่วนเมนูของหวานก็น่าลิ้มลองเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น lime leaf posset with whipped coconut, honeydew melon and elderflower ขนม posset รสมะกรูด ท็อปด้วยวิปครีมมะพร้าว เมล่อนและเม็ดแมงลัก และ peach tart with ginger beer sorbet, and dried grape and pumpkin seed crumble ทาร์ตพีชกับซอร์เบย์รสจิงเจอร์เบียร์และเมล็ดพืช เป็นต้น หากค่ำนี้คุณยังนึกร้านอาหารดีๆสักที่ไม่ได้ Freebird คือคำตอบของคุณ
พิกัด: 47 ถนน สุขุมวิท แขวง คลองตันเหนือ เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาเปิด:
วันอาทิตย์ อังคาร-เสาร์ 11:30–22:30
วันจันทร์ ปิดทำการ
เว็บไซต์: freebirdbkk.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 662 4936
Appia
Appia อาหารอิตาเลียนแท้ๆ ส่งตรงรสชาติมาจากกรุงโรมที่หลายๆคนอาจกำลังตามหา…หลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการเปิดร้านอาหารแรกในกรุงเทพในนาม Soul Food Mahanakorn อดีตนักเขียนหนุ่มชาวอเมริกัน จาร์เร็ตต์ วริสลีย์ ก็ชวนเชฟเปาโล วีทาเลตติ ผู้เคยทำงานให้กับห้องอาหารในโรงแรมชื่อดังในหลายประเทศ มาเปิดร้านอาหารอิตาเลียน Appia ซึ่งชื่อร้านได้มาจากชื่อถนนแห่งแรกของกรุงโรมที่เป็นเส้นทางไปสู่ตอนใต้ของอิตาลี จึงสอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของร้านที่ทำอาหารในสไตล์กรุงโรมแบบดั้งเดิมผสมกับอาหารอิตาเลียนตอนใต้ได้อย่างลงตัว แน่นอนว่าเมื่อคุณมาที่นี่ก็จะได้กลิ่นไอของกรุงโรมไปเต็มๆ
สำหรับเรื่องอาหาร ร้านนี้ มีรสชาติและเมนูที่ค่อนข้างแตกต่างจากร้านทั่วไปในกรุงเทพฯ เมนูส่วนใหญ่อาจจะไม่คุ้นเคย แถมที่นี่ยังเน้นจัดหนักเน้นวัตถุดิบและรสชาติเข้มข้น ตามต้นตำรับโฮมเมดแบบชาวโรมัน หนึ่งในจานที่ควรสั่งคือพาสต้าที่มีให้เลือกหลายเมนู เพราะเส้นพาสต้าของที่นี่ทำด้วยมือล้วนๆ จึงให้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่มกำลังดี หรือจะลองสั่งฌ็อกกิ พาสต้ารูปตัวหนอนที่ทำจากแป้งและมันฝรั่ง ซึ่งหาในเมืองไทยได้ยากมาชิมก็ได้ ส่วนเมนูที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ Porchetta like in Rome ที่ใช้เนื้อหมูออร์แกนิกก้อนใหญ่ยัดไส้เฟนเนล โรสแมรี และกระเทียมไว้ด้านใน ก่อนนำไปย่างนาน 4-5 ชั่วโมง และเสิร์ฟแบบแล่เป็นแผ่นกลม ทำให้มองเห็นเครื่องเทศที่แทรกอยู่ในเนื้อหมูนุ่มๆ แต่ละชั้น
หากอยากทานเมนูเบาๆ ที่นี่ก็ยังมีสลัดซุกินี (Zucchini) คลุกเคล้ากับชีสพาร์เมซาน หรือไม่ก็ A Caprese in Puglia จานของว่างเบาๆ ประกอบด้วยงมะเขือยาว มะเขือเทศ ชีสบูราตา และขนมปังกรอบ ก่อนจะล้างปากด้วยของหวานชื่อน่ารักอย่าง My Mother’s Tiramisu ทีรามิสุเนื้อนุ่ม สั่งพร้อมไวน์ที่มีให้เลือกหลายสิบชนิดมาดื่มคู่กับมื้ออาหารแสนอร่อยนี้ด้วยก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
พิกัด: 20/4 ซอย สุขุมวิท 31 Klongton Nua เขต วัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110
เวลาเปิดร้าน:
วันอาทิตย์ 11:30–14:30, 18:00–23:00
วันจันทร์-เสาร์ 18:00–23:00
เว็บไซต์: www.appia-bangkok.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 261 2056
Le Normandie
Le Normandie ณโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสสำหรับคนกรุงเทพฯมาหลายปี ด้วยฝีมือ Arnaud Dunand Sauthier เชฟผู้สร้างสรรค์เมนูแสนอร่อยอย่าง venison tenderloin with pumpkin and chestnut (เนื้อสันในคู่กับฟักทองและเชสนัท) และ Oscietra caviar served with sea urchin, potato, and dill (คาเวียร์เสิร์ฟกับไข่หอยเม่น มันฝรั่งและผักชีลาว) จนได้รับรางวัล Michelin Stars 2 ดวงใน Michelin Guide Bangkok นอกจากนี้ Le Normandie ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยรสชาติกลมกล่อมผสมผสานรสชาติที่ยอดเยี่ยม ความละเอียดอ่อนของสมุนไพรและเครื่องปรุงรส ที่ไม่เหมือนใครจนออกมาเป็นอาหารชั้นเลิศ
Le Normandie ตั้งอยู่ใน Garden Wing ของโรงแรม มีทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำเจ้าพระยาโดยคุณสามารถมองผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ห้องพักหรูหราที่มีโคมระย้าคริสตัลโบราณและการจัดดอกไม้ที่สวยงามทำให้บรรยากาศไม่เหมือนใคร Le Normandie ให้บริการแขกผู้มีเกียรติจากประเทศไทยและทั่วโลกซึ่งเป็นประสบการณ์การรับประทานอาหารที่ยอดเยี่ยม
เมื่อรับประทานอาหารที่ Le Normandie คุณอาจต้องแต่งกายหรูหราสักนิด ห้ามใช้กางเกงขาสั้นเสื้อยืดยีนส์รองเท้าแตะและรองเท้ากีฬา เสื้อแจ๊คเก็ตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุภาพบุรุษในช่วงเย็นและที่นี่สามารถจัดเตรียมได้เมื่อแจ้งความประสงค์ ยังไงก่อนไปเตรียมตัวหน่อยก็ดีนะ
พิกัด: 48 ถนนโอเรียนเต็ลกรุงเทพฯ 10500 ประเทศไทย
เวลาเปิด:
วันจันทร์ -เสาร์ 12:00–14:00, 19:00–22:00
วันอาทิตย์ ปิดทำการ
เว็บไซต์: www.mandarinoriental.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 659 9000 EXT 7399
Revolucion Cocktail
Revolucion Cocktail เป็นแหล่งพบปะสำหรับนักดื่มในแถบสาทรมานาน คราวนี้ก็ถึงเวลา Clandestino Cantina ที่ตั้งอยู่ชั้น2 ของร้าน มาเสิร์ฟอาหารแบบละตินอเมริกันที่มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ให้กับทุกคนแล้ว
การตกแต่งของ Revolucion Cocktail ที่นี่ยังคงเอกลักษณ์ของร้านไว้ให้เหมือนกันทุกสาขาโดยทีมงาน เนรมิตบาร์แห่งนี้ให้สวยงามในแบบ Cuban Style ที่ผสมกลิ่นอายเรโทรและสีสันลงไปให้ดูสนุกสนานและเป็นกันเอง ที่นี่มีโซนครัวเปิดที่ล้อมด้วยเก้าอี้ สำหรับนั่งชมเชฟสร้างสรรค์เมนูอีกด้วย
Clandestino Cantina ถูกสร้างสรรค์โดย Gabriela Espinosa เชฟชาวเม็กซิกันผู้รักในการทำอาหาร และได้รับการฝึกฝนที่เม็กซิโก ซิตี้ก่อนจะมารวมทีมร้าน Revolucion ในประเทศจีน เมนูประกอบไปด้วยรสชาติจากหลากหลายประเทศ อย่าง สเปน อิตาลีและฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น The Tortilla Royale ออมเล็ตแบบสเปน ที่ได้รับการสร้างสรรค์ใหม่และเสิร์ฟในขวดโหลเล็กๆคู่กับหัวหอมใหญ่ ไข่แดงทอดแบบดีพฟรายและมูสมันฝรั่ง ในขณะที่ข้าวโพดหวานที่เป็นส่วนผสมหลักในอาการเม็กซิกัน ก็ถูกนำมาปรุงในซอสฝรั่งเศสและฟรัวกาส์ เป็นเมนู French velouté sauce with fragrant pan-seared foie gras หรือจะลอง Mexican Aguachile salad ที่มีทั้งกุ้งตัวโตในซอสผักชีกับมะนาว ก็เยี่ยม
สำหรับไฮไลท์จานอื่นก็เช่น churrasco เนื้อย่างเสิร์ฟคู่กับซอสน้ำมันมะกอกและพริก และ Gabriela’s signature pork belly ที่ปรุงด้วยวิธีการทั้ง 2 แบบคือ การอบและซูวี (sous-vide) ส่วนของหวานขอแนะนำ Spanish churros มาคู่กับดิปคือ ช็อกโกแลตเย็น และช็อกโกแลตกานาช และ Piña Colada ที่เป็นสับปะรดอินฟิวส์ในรัมกับไอศกรีม
มาที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็แน่นอนว่าต้องสร้างสรรค์โดย Revolucion Cocktail จากชั้นล่าง ลอง Cherry Manhattan ถ้าชอบเบอร์เบิน หรือ Revolucion Cocktail รัมเบสค็อกเทลที่สร้างความสดชื่นได้อย่างดี งานนี้บอกเลยอิ่มอร่อยจนลืมไม่ลง
พิกัด: 50 ซอย สาทร 10 แขวง สีลม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
เวลาเปิด:
วันอาทิตย์-วันพฤหัส 18:00–2:00
วันศุกร์-เสาร์ 19:00–3:00
เว็บไซต์: facebook.com/RevolucionCocktailBangkok
เบอร์โทรศัพท์: 02 235 4823
Aubergine Restaurant
Aubergine ร้านอาหารฝรั่งเศสแสนอร่อยภายใต้บรรยากาศแบบบ้านสุดคลาสสิค ที่นำเสนอเมนูอาหารฝรั่งเศสแบบต้นตำรับและแบบร่วมสมัยที่ได้รับการคัดสรรและปรุงอย่างดีเยี่ยม ตั้งแต่เมนูทานเล่น ซุป สลัด เมนคอร์สไปจนถึงของหวาน ในบรรยากาศแบบฝรั่งเศสต้นตำรับพร้อมการบริการอย่างดี
เมื่อเข้ามาด้านในตัวร้าน ที่นี่เคยเป็นบ้านพักของท่านทูตรัสเซีย จึงยังคงความหรูหราและโอ่อ่าพอสมควร แถมยังมีประกาศนียบัตร Thailand best restaurant หลายปี2006-2012 ให้ได้มั่นใจในรสชาติอาหารมากขึ้นอีกด้วย เมื่อนั่งพักเรียบร้อยทางร้านจะมีcomplimentary bread basketให้ ต้องบอกเลยว่าขนมปังหอมมากและอบมาร้อนๆๆอร่อยที่สุด ส่วนเมนูแนะนำก็เช่น Smoke duck with mixed salad , Truffle and mix mushroom in cappuccino soup , 3pcs. Of escargot – หอยEscargots หอยฝรั่งเศสอบเนยกระเทียม ในชุดดีลมี3ตัว มีที่หนีบหอยตามแบบฉบับร้านฝรั่งเศส Truffle and mix mushroom in cappuccino soup ซุปทรัฟเฟิล ซุปรสเห็ดทรัฟเฟิลรสอ่อนๆละมุนเชียว ฟองนมหนาน่าทาน หรือจะเป็น Main course เลือกได้1อย่าง Seabass berry sauce, Sous vide duck breast orange sauce, Coq au vin -Seabass berry sauce ปลากระพงทอด หนังเกรียมกรอบนิดๆ ชิ้นไม่ใหญ่มาก Sous vide duck breast orange sauce อกเป็ดนำไปซูวี เนื้อเป็ดจะนุ่มดี Desert มีให้เลือก3อย่าง Creme brulee , Profiterole, chocolate fondue -Profiterole เป็นขนมที่นึกถึงอันดับ2ของฝรั่งเศส ขนมProfiterole คล้ายแอร์แคร ด้านในมีไอศครีมวนิลา ราดด้วยช๊อคโกแลตซอส ในเซ็ทเสริฟ์มา2ชิ้นเล็กๆ
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเมนูเท่านั้น ต้องบอกว่าอาหารฝรั่งเศสทุกจานของร้าน Aubergine Restaurant ทำออกมาได้อร่อยจริงๆ ยังไงลองไปชิมดู รับประกันต้องติดใจแน่นอน
พิกัด: ศาลาแดง 1/1 (119.07 km)
เวลาเปิดร้าน: 11:30 – 14:30, 18:00 – 22:30
เว็บไซต์: facebook.com/Aubergine-Restaurant
อีเมล: auberginebangkok@gmail.com
เบอร์โทรศัพท์: 02 234 2226
Elements
Elements ห้องอาหารฝรั่งเศสที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่น บนชั้น 25 ของโรงแรม The Okura Prestige Bangkok โดยได้เชฟ Antony Scholtmeyer เอ็กเซ็คคิวทีฟเชฟประจำโรงแรมและเชฟใหญ่ของห้องอาหาร เป็นผู้ดูแลทุกอย่างรวมถึงครีเอทเมนูสุดพิเศษที่ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสและญี่ปุ่น สำหรับบรรยากาศโดยรวมที่นี่จะเน้นโทนสีน้ำตาลและดำ เรียบง่ายแต่ยังคงความหรูหรา และเพิ่มลูกเล่นการตกแต่งด้วยไม้ถ่านรอบร้าน ด้านในมีครัวเปิดและโซน Chef’s Tableหรือจะเปลี่ยนบรรยากาศนั่งรับประทานอาหารด้านนอกในสไตล์เทอเรสและเป็นส่วนที่ยื่นออกไปนอกตัวอาคาร ชมวิวสวย ๆ และมีความเป็นส่วนตัวก็ได้เช่นกัน
ด้านอาหารที่นี่ใช้วัตถุดิบและวิธีการปรุงอาหารที่ผสมผสานระหว่างสองชาติเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะการนำแป้งโซบะมาเปลี่ยนรูปแบบเป็นขนมปังหรือส่วนประกอบต่าง ๆ บนจานอาหาร ซึ่งครีเอทเมนูและควบคุมคุณภาพโดยเชฟ Antony Scholtmeyer เมนูแนะนำก็อย่างเช่น White asparagus and smoked tofu เมนูซิกเนเจอร์ที่นำเสนอวัตถุดิบประจำฤดูอย่างหน่อไม้ฝรั่งสีขาว รองฐานด้วยเต้าหู้รมควัน ท็อปด้วยหัวไชเท้าดองและไข่แดงออนเซ็นที่นำไป confit กับน้ำมัน เคียงคู่มากับไข่แซลมอนและเวเฟอร์กรอบที่ทำจากแป้งโซบะ Hamachi ปลาฮามาจิเนื้อนุ่มหมักน้ำยูซุกับน้ำมันมะกอกรมควัน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และพริก เสิร์ฟพร้อมเทอร์รีนมะเขือเทศที่ให้สัมผัสนุ่มคล้ายเจลลี่ บนเทอร์รีนมีพูเร่อะโวคาโด เพิ่มรสชาติให้กับปลาด้วยซอสสาหร่ายเข้มข้น หรือจะเป็นHokkaido Kozatsu เนื้อวัวโคซัทซุจากฮอกไกโด เสิร์ฟพร้อมมะเขือม่วงกับขิงบดละเอียด มูสมันฝรั่งเนื้อนุ่มเบา และของหวานอย่างWhite miso ice cream ไอศกรีมรสหวานมันที่ทำจากมิโซะขาวส่งตรงจากเกียวโต ด้านล่างเป็นผงคินาโกะหรือถั่วเหลืองแห้ง เสิร์ฟคู่กับช็อกโกแลตเค้กที่ใช้ส่วนผสมของช็อกโกแลต Nyangbo เข้มข้น ส่วนเลเยอร์เค้กประกอบด้วยเลเยอร์ของบราวนี่ มูสช็อคโกแลต และเมอแรงก์พิสตาชิโอ้ มาที่ Elements ได้อร่อยหลากเมนูแน่นอน
พิกัด: 57 ถนน วิทยุ แขวง ลุมพินี เขต ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
เวลาเปิด: อังคาร-เสาร์ 18.00-22.30 น.
เว็บไซต์: www.okurabangkok.com
facebook : facebook.com/ElementsAtTheOkuraPrestigeBangkok
เบอร์โทรศัพท์: 02 687 9000
La Maison de la Truffe
La Maison de la Truffe ร้านดังแห่งเมืองปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งตอนนี้ได้มีสาขาอยู่ที่เมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นที่เดียวในเอเชียอีกด้วย สำหรับจุดเด่นของที่นี่คือ การตกแต่งร้านอย่างคลาสสิค หรู ดูแพงเพื่อสะท้อนการตกแต่งของร้านที่ปารีส ซึ่งรวมไปถึงกระจกขนาดใหญ่และเฟอร์นิเจอร์แบบนีโอ-คลาสสิคที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศส ที่สำคัญยังมี Monara Pres หัวหน้าเชฟที่ฝรั่งเศส เป็นหัวหน้าเชฟอีกด้วย จึงมั่นใจในคุณภาพได้เลยว่าไม่แพ้ต้นตำรับที่ปารีสแน่นอน
ในด้านอาหารที่นี่เสิร์ฟอาหารยุโรปร่วมสมัยที่ใช้วัตถุดิบอย่างเห็ดทรัฟเฟิลคุณภาพสูงจากฝรั่งเศสและอิตาลี เริ่มต้นที่เมนูอย่าง beef carpaccio with fresh rocket, parmigiano cheese and sliced truffles เนื้อดิบสไลด์กับผักร็อกเก็ต ชีสและทรัฟเฟิลสไลด์ และ black spaghetti cooked in truffle-infused lobster bisque and topped with fresh truffles สปาเก็ตตี้เส้นดำกับทรัฟเฟิลและล็อบสเตอร์ pan-seared foie gras served with fig chutney and delicious brioche bread ฟัวกราส์เสิร์ฟกับลูกฟิกบดและขนม brioche ที่บอกเลยว่าอร่อยยอมตาย ปิดท้ายมื้ออาหารด้วยพานาคอตต้า อีกหน่อยที่เป็นการนำข้าวเหนียวมะม่วงมาดัดแปลงในแบบของเชฟ Monara หรือจะเลือกเป็น black truffle cheesecake ก็ได้
ร้านสวยหรูดูแพงมากๆ อาหารอร่อย บรรยากาศเหมาะกับคู่รักที่มาดินเนอร์สุดสุด พนักงานบริการดีเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใส ใสใจลูกค้าดีมากๆ สมกับเป็นร้านอาหารยอดนิยมจริงๆ
พิกัด: 129 สุขุมวิท 55
เวลาเปิด: วันอาทิตย์ อังคาร-เสาร์ 11:00–14:30, 18:00–22:30
วันจันทร์ ปิดทำการ
เว็บไซต์: facebook.com/MaisondelaTruffe.th
เบอร์โทรศัพท์: 02 054 5422