หนังสือศาสนาพุทธ 10 อันดับแรกที่ชาวพุทธทุกคนต้องอ่าน

ประเทศไทยส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธ และหลายๆคนอยากที่จะศึกษาเกี่ยวกับศาสนาพุทธให้ถ่องแท้ ไม่ใช่นับถือแบบผิวเผิน ซึ่งก็มีหนังสือสำหรับชาวพุทธให้ได้ศึกษากันมากมาย ๆ หากคุณเองก็ชอบศึกษาเช่นกันแต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่เล่มไหนก่อนเรานำมาฝากคุณ 10 เล่ม ที่น่าจะทำให้คุณได้รับความรู้เพิ่มขึ้น รวมทั้งบางเล่มก็ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน ซึ่งแต่ละเล่นผ่านเกณฑ์คัดเลือก คือ

  1. เนื้อหามีคุณค่าถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา

หนังสือน่าอ่านสำหรับชาวพุทธ เนื้อหาควรมีคุณค่าและถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา สามารถอ่านเพื่อความรู้ จรรโลงใจและสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้

  1. เนื้อหาอ่านง่าย

หลายๆคนอาจคิดว่าหนังสือสำหรับชาวพุทธอาจมีเนื้อหาที่เข้าใจยากเต็มไปด้วยภาษาบาลีแปลกๆ อ่านแล้วน่าเบื่อ ซึ่งหนังสือที่คัดเลือกมาล้วนอ่านเข้าใจง่ายและไม่น่าเบื่อแต่อย่างใด

  1. ราคาสบายกระเป๋า

หนังสือพระพุทธศาสนาไม่ควรมีราคาแพงมากเพื่อคนไทยจะได้ซื้อหามาอ่านได้อย่างง่ายดายไม่กระทบกระเทือนการเงินของครอบครัว

หนังสือศาสนาพุทธ 10 อันดับแรกที่ชาวพุทธทุกคนต้องอ่าน

พระไตรปิฎก

หนังสือศาสนาพุทธยอดนิยม

พระไตรปิฎก คือ คัมภีร์ที่ประมวลหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้อย่างเป็นระบบ ครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด จนถึงขนาดที่กล่าวได้ว่า ตัวคัมภีร์พระไตรปิฎกเองมีสถานะเป็นดังหนึ่งองค์พระพุทธเจ้าที่ยังทรงพระชนม์อยู่ ทั้งนี้เพราะก่อนแต่จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ตรัสเอาไว้ว่า “เมื่อเราตถาคตล่วงลับไปแล้ว พระธรรมและวินัยที่เราได้แสดงและบัญญัติเอาไว้ จักเป็นศาสดาของชาวพุทธสืบต่อไป”

ในเมื่อพระธรรมวินัยถูกประมวลไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก ดังนั้น คัมภีร์พระไตรปิฎก จึงเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าที่เราชาวพุทธสามารถศึกษา ค้นคว้าหาแก่นธรรมด้วยตัวเองได้ทุกเมื่อ สงสัยเรื่องใดก็สามารถเปิดขึ้นมาศึกษาหาความกระจ่างแจ้งได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องผ่านการตีความหรืออธิบายของผู้อื่น การศึกษาพระพุทธศาสนาโดยตรงจากคัมภีร์พระไตรปิฎก จึงเป็นวิธีเข้าถึงพระพุทธศาสนาที่ดีที่สุด ทั้งยังสามารถป้องกันความเข้าใจผิด วิปลาต คลาดเคลื่อนจากคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดเช่นกัน

วรรคทองของหนังสือ

พระไตรปิฎกมีหลักธรรมคำสอนมากมาย ที่แม้เวลาจะผ่านไปอย่างไร ก็ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ เช่น คำสอนเรื่อง “ท่าทีในการบริโภคข่าวสารข้อมูล” ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร (เล่มที่ 20) ดังต่อไปนี้ จะเห็นว่า มีท่าทีที่เป็นวิทยาศาสตร์และมีประโยชน์อย่างยิ่งในยุคข้อมูลสารข้อมูลเช่นทุกวันนี้

1)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา
2)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการสืบๆกันมา
3)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ
4)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำรา/คัมภีร์
5)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรกะ
6)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะอนุมาน
7)อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล
8)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะสองคล้องกับทิฐิของตน
9)อย่าปลงใจเชื่อ เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าจะเป็นไปได้
10) อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับถือว่า ท่านสมณะนี้เป็นครูของเรา

ต่อเมื่อใดรู้ เข้าใจ ด้วยตนเองว่า ธรรม/ข้อมูล เหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือเป็นสิ่งที่ดี มีโทษ หรือ มีคุณ เป็นต้น จึงควรปฏิเสธ หรือยอมรับ…”

นับว่าหนังสือพระไตรปิฎกมีคุณค่าควรที่ชาวพุทธจะหามาอ่านยิ่งนัก สนใจหาอ่านได้ที่หอสมุด วัด หรือซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป

เว็บไซต์:  www.ตู้พระไตรปิฎก.com


 

พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน

หนังสือศาสนาพุทธที่ดีที่สุด

คัมภีร์พระไตรปิฎก ซึ่งเป็นแหล่งประมวลพระธรรมวินัยหรือคำสั่งสอนที่สมบูรณ์ที่สุดของพระพุทธเจ้านั้น เป็นที่ทราบกันดีในหมู่ชาวพุทธว่า มีเนื้อหามากเป็นอเนกอนันต์ หากไม่มีความสนใจใฝ่รู้จริงๆ แล้ว ก็เป็นการยากที่คนธรรมดาจะศึกษาให้ทั่วถึงได้ ด้วยเหตุที่พระไตรปิฎกมีเนื้อหามากนี่เอง อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ (เปรียญธรรม 9 ประโยค ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดร่วมยุคกับท่านพุทธทาสภิกขุ) ซึ่งมีความปรารถนาที่จะให้ชาวพุทธได้เรียนรู้ธรรมะจากพระไตรปิฎกโดยตรง จึงได้ใช้ความเพียรอย่างยิ่งยวดจัดทำพระไตรปิฎก “ฉบับสำหรับประชาชน” โดยย่อพระไตรปิฎกจาก 45 เล่ม ให้เหลือเพียง 1 เล่ม และนับแต่นั้นเป็นต้นมา คนไทยจึงได้อ่านพระไตรปิฎกที่เนื้อหาน้อยลง แต่ทว่ากลับยังคงอุดมด้วยแก่นสารอย่างครบถ้วนเหมือนเดิม ทั้งภาษาก็อ่านง่าย ไพเราะ ใครก็ตามที่อยากศึกษาพุทธศาสนาจากพระไตรปิฎกโดยตรง แต่ประหวั่นพรั่นพรึงต่อเนื้อหาอันมากมายมหาศาล การเริ่มต้นอ่านพระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน จึงนับว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

วรรคทองของหนังสือ

อะไรคือแก่นพุทธศาสน์ ?
1)ลาภสักการะชื่อเสียง   เปรียบเสมือนกิ่งไม้ใบไม้
2)ความสมบูรณ์ด้วยศีล   เปรียบเหมือนสะเก็ดไม้
3)ความสมบูรณ์ด้วยสมาธิ  เปรียบเสมือนเปลือกไม้
4)ญาณทัสสนะ หรือปัญญา  เปรียบเสมือนกะพี้ไม้
5) ความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบ เปรียบเสมือนแก่นไม้
หากคุณต้องการที่จะศึกษาเนื้อหาในพระไตรปิฎกแต่ย่อท้อต่อความเยอะของเนื้อหา เล่มนี้น่าจะเหมาะกับคุณ ซึ่งสามารถหาอ่านได้ตามห้องสมุด วัด หรือหาซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำ

เว็บไซต์:  www.xn--12czua4aq9ab9ivb9bxipc.com/TOO-PRA-TAI


 

คุณลักษณะพิเศษแห่งพระพุทธศาสนา

หนังสือศาสนาพุทธขายดี

ในวรรณกรรมเรื่อง “กามนิต-วาสิฏฐี” ตัวเอกของเรื่อง คือ กามนิต มีความปรารถนาจะเฝ้าพระพุทธองค์เพื่อรับฟังคำสอนสักครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ครั้นได้พบพระพุทธองค์จริงๆ เขากลับไม่รู้จักว่า คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร ในที่สุดก็จึงเดินจากไปอย่างผิดหวัง ชาวพุทธส่วนใหญ่ก็คงไม่ต่างอะไรกับกามนิตหนุ่มที่บอกตัวเองว่า เป็นชาวพุทธ แต่ทว่าไม่รู้จัก “โฉมหน้าอันแท้จริง” ของพุทธศาสนา ผลก็คือ เขาได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนาน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย

ในหนังสือชื่อ “คุณลักษณะพิเศษแห่งพระพุทธศาสนา” อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ ปราชญ์ผู้เป็นเลิศทางด้านพระพุทธศาสนา ได้ชี้ให้เราเห็นว่า พระพุทธศาสนาที่แท้นั้น มีลักษณะเช่นไร มีจุดเด่น จุดเน้น จุดหมายอยู่ตรงไหน และจะนำเอาหลักคำสอนในพระพุทธศาสนามาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร หนังสือเล่มนี้ จะทำให้เรารู้จักพระพุทธศาสนาในภาพรวมถึงขั้นที่กล่าวได้ว่า เหมือนกับเรารู้จักลายมือของตัวเองอย่างละเอียดเลยทีเดียว

วรรคทองของหนังสือ

“แม้จะตัดความเชื่อในเรื่องฤทธิ์เดชปาฏิหาริย์ออกหมด ก็ไม่ทำให้พระพุทธศาสนากระทบกระเทือนอะไรแม้แต่น้อย เพราะพระพุทธศาสนามิได้มีรากฐานอยู่บนเรื่องฤทธิ์เดชปาฎิหาริย์ หากอยู่ที่เหตุผลและคุณงามความดีที่พิจารณาเห็นได้จริง ๆ” (หน้า 34)

“ถ้าบุคคลจะพ้นจากบาปกรรมได้เพราะการรดน้ำ (ศักดิ์สิทธิ์) แล้ว, กบ เต่า งู จระเข้ และสัตว์น้ำทั้งปวง ก็จักไปสวรรค์ได้เป็นแน่…” (พุทธพจน์) (หน้า 202)

“เราเอาน้ำมันเทลงไปในน้ำแล้วจะอ้อนวอนให้จมลงอย่างไร น้ำมันก็จะคงลอยขึ้นเหนือน้ำเสมอไป เราทิ้งก้อนหินลงในน้ำ แม้จะอ้อนวอนให้ลอยอย่างไร มันก็ไม่ลอยขึ้น คงจมลงโดยส่วนเดียว ฉันใด การทำความดี ย่อมเป็นเหตุให้เฟื่องฟู การทำความชั่ว ย่อมเป็นเหตุให้ล่มจม เมื่อทำแล้ว จะใช้วิธีอ้อนวอนให้เกิดผลตรงกันข้าม ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ฉันนั้น…” (พุทธพจน์) (หน้า 348)

เป็นอีกเล่มที่ชาวพุทธควรจะหามาอ่านเพื่อให้ทราบว่าพระพุทธศาสนาที่แท้นั้นเป็นเช่นไร

เว็บไซต์: www.chulabook.com/description


 

หลักชาวพุทธ (ชาวพุทธที่ดีต้องมีมาตรฐาน)

หนังสือศาสนาพุทธที่ควรอ่าน

ในทางสถิติ เราทราบกันดีว่า มีคนไทยกว่า 95% เป็นชาวพุทธ แต่ในทางปฏิบัติจะมีคนที่เป็นชาวพุทธจริงๆ กันสักกี่เปอร์เซ็นต์ ทุกวันนี้ สังคมไทยเต็มไปด้วยปัญหามากมาย แต่พอเกิดมีปัญหาอะไรที่หนักหนาสาหัสเกิดขึ้นมาจนทำท่าว่าจะแก้ไขกันไม่ได้ คนไทยไม่น้อยก็มักเลือกที่จะกล่าวโทษพุทธศาสนา เช่น เรามักได้ยินคำอุทานด้วยความสิ้นหวังเชิงประชดประเทียดอยู่บ่อยๆ ว่า “นี่หรือเมืองพุทธ…” หรือบางทีก็ตั้งข้อสังเกตกันแรงๆ ว่า “เป็นเมืองพุทธ ทำไมจึงทรุดลง” การที่ชาวพุทธจำนวนมาก กล่าวโทษพุทธศาสนาเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่า เขาเหล่านั้นไม่รู้จักพุทธศาสนา ไม่ได้นำเอาพุทธศาสนามาใช้ในชีวิตประจำวัน หรือที่แย่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าการเป็นชาวพุทธนั้น ต้องมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรบ้าง

เพื่อแก้ปัญหาชาวพุทธด้อยคุณภาพดังกล่าวมานี้เอง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) จึงเรียบเรียงหนังสือ “หลักชาวพุทธ” ขึ้นมาให้เป็นแนวทางสำหรับยึดเป็นหลักแม่บทในการปฏิบัติตนของชาวพุทธ 12 ข้อ ซึ่งเมื่อใครก็ตามปฏิบัติตามหลักแม่บทของการเป็นชาวพุทธทั้ง 12 ข้อได้เป็นอย่างดี คนคนนั้นก็จะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธชั้นนำ และย่อมจะได้รับประโยชน์จากพุทธศาสนาอย่างคุ้มค่าที่สุด

วรรคทองของหนังสือหลักชาวพุทธ

หลักการ

1)ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์ : ข้าฯ มั่นใจว่า มนุษย์จะประเสริฐเลิศสุด แม้กระทั่งเป็นพุทธะได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือการศึกษา

2) ใฝ่พุทธคุณเป็นสรณะ : ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์และมีเมตตา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

3) ถือธรรมะเป็นใหญ่ : ข้าฯ ถือธรรม คือความจริง ความถูกต้อง ดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน

4) สร้างสังคมให้เยี่ยงสังฆะ : ข้าฯ จะสร้างสรรค์สังคมตั้งแต่ในบ้าน ให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์

5) สำเร็จด้วยกระทำความดี : ข้าฯ จะสร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตน โดยพากเพียรอย่างไม่ประมาท

ปฎิบัติการ

ข้าฯ จะนำชีวิต และร่วมนำสังคมประเทศชาติ ไปสู่ความดีงาม และความสุขความเจริญ ด้วยการปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

ก)     มีศีลวัตรประจำตน

1)    บูชาบูชนีย์ : มีปกติกราบไหว้ แสดงความเคารพ ต่อพระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์ และบุคคลที่ควรเคารพ

2)    มีศีลห่างอบาย : สมาทานเบญจศีล ให้เป็นนิจศีลคือหลักความประพฤติประจำตัว ไม่มืดมัวด้วยอบายมุข

3)   สาธยายพุทธมนต์ : สวดสาธยายพุทธวจนะหรือบทสวดมนต์ โดยเข้าใจความหมาย อย่างน้อยก่อนนอนทุกวัน

4)    ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา : ทำให้จิตใจให้สงบ ผ่องใส เจริญสมาธิ อันค้ำจุนสติที่ตื่นตัว หนุนปัญญาที่รู้ทั่วชัดเท่านั้น และอธิฐานจิตเพื่อจุดหมายที่เป็นกุศล วันละ ๕-๑๐ นาที

ข)     เจริญกุศลเนืองนิตย์

5)    ทำกิจวัตรวันพระ : บำเพ็ญกิจวัตรวันพระ ด้วยการตักบาตร หรือแผ่เมตตา ฟังธรรม หรืออ่านหนังสือธรรม โดยบุคคลที่บ้าน ที่วัด ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน ร่วมกัน ประมาณ ๑๕ นาที

6)    พร้อมสละแบ่งปัน : เก็บออมเงิน และแบ่งมาบำเพ็ญทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ เพื่อสนับสนุนกรรมดี อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง

7)     หมั่นทำคุณประโยชน์ : เพิ่มพูนบุญกรรม บำเพ็ญประโยชน์ อุทิศแด่พระรัตนตรัย มารดาบิดา ครูอาจารย์ และท่านผู้เป็นบุพการีของสังคมแต่อดีตสืบมา อย่างน้อยสัปดาห์ละ ๑ ครั้ง

8)    ได้ปราโมทย์ด้วยไปวัด : ไปวัดชมอารามที่รื่นรมย์ และไปร่วมกิจกรรมทุกวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และวันที่สำคัญของครอบครัว

ค)     ทำชีวิตให้งามปราณีต

9)    กินอยู่พอดี : ฝึกความรู้จักประมาณในการบริโภคด้วยปัญญาให้กินอยู่ดี

10)   มีชีวิตงดงาม : ปฏิบัติกิจส่วนตัว ดูแลของใช้ของตนเอง และทำงานชีวิต ด้วยตนเอง ทำได้ ทำเป็น อย่างงดงามน่าภูมิใจ

11) ไม่ตามใจจนหลง : ชมรายการบันเทิงวันละไม่เกินกำหนดที่ตกลงกันในบ้าน ไม่มัวสำเริงสำราญปล่อยตัวให้เหลิงหลงไหลไปตามกระแส สิ่งล่อเร้าชวนละเลิง และมีวันปลอดการบันเทิงอย่างน้อยเดือนละ ๑ วัน

12) มีองค์พระครองใจ : มีสิ่งที่บูชาไว้สักการะประจำตัว เป็นเครื่องเตือนใจให้ระลึกถึงคุณของ

พระรัตนตรัย และตั้งมั่นอยู่ในหลักชาวพุทธ

(หน้า 55-56)

เว็บไซต์: www.ebooks.in.th/ebook


 

เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม

หนังสือศาสนาพุทธน่าอ่าน

ทุกวันนี้ มีผู้อ้างตัวว่าเป็นผู้รู้บ้าง เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณบ้างอยู่มากมายในสังคมไทย บรรดากูรูเหล่านี้ต่างก็พากันนำเอาคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ออกมาเผยแผ่แก่ประชาชนจนได้รับการเคารพ นับถือ ยกย่อง อย่างกว้างขวาง มีศิษยานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธามากมาย แต่ก็นั่นแหละ ในบรรดาผู้นำทางจิตวิญญาณเหล่านี้ บางคนก็เผยแผ่พุทธศาสนาถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย แต่บางคน บางสำนัก ก็เชื่อผิด รู้ผิด สอนผิด และนำประชาชนไปในทางที่ผิดจนเกิดความเสื่อมเสียทั้งแก่ตน แก่สังคม และแก่สถาบันศาสนาโดยรวม

ปัญหาประการหนึ่งที่มีการเชื่อผิด รู้ผิด สอนผิดกันมากที่สุดในสังคมไทยก็คือ ความเชื่อเรื่องกรรม หรือกฎแห่งกรรม ที่มีการเข้าใจวิปลาสคลาดเคลื่อนกันไปไกลถึงขนาดที่เรียกได้ว่า “ออกทะเล” ก็คงได้ แต่ถึงจะมีการเชื่อผิด สอนผิดอยู่เสมอ แต่ถึงกระนั้น ก็มีผู้ที่รู้เท่าทันน้อยมาก เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ถูกต้อง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) จึงเขียนหนังสือชื่อ “เชื่อกรรม รู้กรรม แก้กรรม” ออกมาเผยแผ่แก่ประชาชนทั่วไป

ใครก็ตามที่อยากรู้ว่า หลักกรรมตามแนวพุทธเป็นอย่างไร หรืออยากรู้ว่า การแก้กรรมตามแนวพุทธต้องทำอย่างไร หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ความสงสัยดังกล่าวจะได้รับการอธิบายอย่างแจ่มกระจ่างและจะไม่ตกเป็นเหยื่อของลัทธิกรรมพาณิชย์อีกต่อไป
เว็บไซต์: www.se-ed.com/product


 

มิลินทปัญหา

หนังสือศาสนาพุทธแนะนำ

หนังสือเล่มนี้ฉบับเดิม แต่งเป็นภาษาสันสกฤต ประมาณ พ.ศ. 500 ต่อมาต้นฉบับเดิมหายไป
เหลือแต่ฉบับบาลีในลังกาเท่านั้น ชาวยุโรปรู้ว่าจีนได้ฉบับเดิมไปจากอินเดียก็คัดจากจีนไป
แต่ไม่ได้ฉบับเดิม เพราะว่าจีนแปลเป็นภาษาจีนเสียแล้ว จึงคงมีฉบับบาลีเพียงสามแห่งเท่านั้น
คือที่ลังกา ไทย และพม่า ว่ากันว่าฉบับที่ชาวยุโรปได้ไปจากไทยเป็นฉบับที่สมบูรณ์กว่าที่ได้จากที่อื่น
ส่วนที่แปลเป็นภาษาไทย เดิมมีอยู่สามฉบับ คือ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ,ฉบับที่แปลในสมัยรัชกาลที่ 3
และฉบับแปลในมหามกุฏราชวิทยาลัย หอสมุดได้เลือกเอาฉบับหลวงรัชกาลที่ 3 พิมพ์ขึ้นไว้
เรียกว่า “มิลินทปญหา ฉบับพิสดาร” เหตุที่หอสมุดฯ เลือกเล่มนี้เพราะว่า สำนวนเสมอต้นเสมอปลาย
แต่เล่มนี้ค่อนข้างจะอ่านยากเพราะว่าเป็นสำนวณเทศน์ ไม่ใช่สำนวนอ่าน

ต่อมา มหาปุ้ย แฮงฉายได้แปลจากต้นฉบับเดิมที่เป็นบาลี พิพม์โดยสำนักพิพม์ ส ธรรมภักดี ราคา 160 บาท
และ อาจารย์วศิน อินทระได้แต่งหนังสืออธิบาย มิลินทปัญหา ขยายความหนังสือ ทำให้อ่านได้เข้าใจ
ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตอนนี้รู้สึกว่าราคาปกจะอยู่ที่ 120 บาท

เนื้อความในเรื่อง มิลินทปัญหานี้ว่าด้วยการโต้ตอบปัญหาข้อธรรมต่างๆ ตั้งแต่เรื่องธรรมพื้นๆ ไปจนถึงธรรมลึกซึ้งคือพระนิพพานระหว่างพระนาคเสนกับพระเจ้ามิลินท์ จึงนับได้ว่าวรรณกรรมเรื่องนี้ให้ความรู้ความเข้าใจด้านหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี อันจะทำให้ผู้ศึกษาแล้วสามารถนำไปใช้ประพฤติปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุขของชีวิต และสังคมมีสันติสุข

เรื่องกล่าวถึงพระยามิลินท์ กษัตริย์แห่งโยนก ซึ่งนักประวัติศาสตร์ว่ามีอยู่จริงคือพระเจ้าเมนานเดอร์ กษัตริย์ชาวกรีกผู้มีปัญญาฉลาดไม่มีใครสู้ได้ เดิมทีไม่ได้นับถือพุทธศาสนาได้โต้ตอบ ถามปัญหากับพระในพระพุทธศาสนา แต่ไม่มีผู้ใดสามารถตอบปัญหาแก้ข้อสงสัยของพระองค์ได้
พระกลัวถูกรบกวนจึงได้หนีหายไปจากเมืองจนเกือบหมด ในหนังสือกล่าวว่าหนีเข้าป่า
ทำให้เมืองว่างจากสมณพราหมณ์ถึง 12 ปี เหล่าพระก็ได้ประชุมกัน เพื่อหาผู้มีปัญญาที่จะไปสามารถตอบปัญหาของพระยามิลินท์ได้ ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดที่มีความสามารถที่จะไปโต้ตอบ ตัดข้อสงสัยของพระยามิลินทร์ได้

จึงได้เหาะไปยังสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อพบพระอินทร์แล้วเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพระอินทร์จึงตรัสว่า พระยามิลินท์ท่านนั้นได้จุติลงไปจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นี่เองมีแต่มหาเสนเทพบุตรเท่านั้นที่จะสามารถต่อกรกับพระยามิลินท์ได้ตรัสเช่นนี้แล้วก็เสด็จพาพระภิกษุสงฆ์ไปที่เกตุวิมานของพระมหาเสนเทพบุตรเพื่ออ้อนวอนขอให้ท่านจุติลงไปเป็นมนุษย์ เพื่อไปกำราบพระยามิลินท์

เนื้อหาจะเป็นอย่างไรต้องไปหาอ่านต่อเอง รับรองว่าสนุกน่าติดตามมาก

เว็บไซต์: vwww.rimkhobfabooks.com/book-division


 

คู่มือมนุษย์

หนังสือหลักธรรมศาสนาพุทธ

คู่มือมนุษย์ของท่านมหาปราชญ์แห่งสวนโมกข์ พุทธทาส เป็นหนังสือที่ชาวพุทธควรอ่านสักครั้งก่อนตาย ซึ่งมีเนื้อหาโดยสังเขป คือ

“คู่มือมนุษย์ (ปกแข็ง)” เล่มนี้ ท่านพุทธทาสได้บรรยายเรื่องอันสำคัญที่สุดที่มนุษย์ทุกคนควรจะรู้ และควรจะปฏิบัติตามให้ได้ จึงจะไม่เสียชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา ท่านจะได้ทราบถึงเคล็ดลับของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความทุกข์ มีแต่ความสุขทางใจ ไม่ว่าชาวโลกเขาจะวุ่นวายกันอย่างไร ทั้งนี้ก็เนื่องจากหลักธรรมที่แสดงไว้ในหนังสือเล่มนี้ จะทำให้ผู้อ่านได้พบกับความเป็นอิสระทางใจอย่างแท้จริง ซึ่งท่านไม่เคยได้พบมาก่อน นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า พุทธศาสนาที่แท้จริงนั้นพระพุทธเจ้าเริ่มสอนเรื่องอะไร และผลของการปฏิบัติตามคำสอนจะเป็นอย่างไรในที่สุด สำหรับพุทธศาสนิกชนทุกท่านไม่ควรพลาด!

*หนังสือเล่มนี้จัดพิมพ์เผยแพร่ เป็นอาจาริยบูชาท่านพุทธทาสภิกขุ นิทรรศการ : พุทธทาส พุทธศิลป์ พุทธธรรม ปี 2558

เว็บไซต์:  www.se-ed.com/product


 

พุทธธรรม

หนังสือศาสนาพุทธน่าสนใจ

ชาตินี้ต้องอ่านให้ได้!! “พุทธธรรม” หนังสือธรรมะที่พระไพศาลยกย่องว่าดีที่สุดในรัชกาลที่ 9 … ถ้าเลือกได้เล่มเดียวในชีวิตก็ต้องเป็นเล่มนี้!!

“พระไพศาล วิสาโล” คือพระนักคิดและนักเขียน  หนังสืออันเป็นผลงานการเขียนของท่านนั้นมีมากมายกว่าร้อยเล่ม ทั้งในนามของพระไพศาล วิสาโล และในนามปากกาอื่น ๆ  แต่ในฐานะนักอ่าน มีหนังสืออยู่เล่มหนึ่งที่ท่านยกย่องมากถึงขนาดว่า ถ้ามีหนังสือเพียงเล่มเดียวที่สามารถนำติดตัวไปได้ในชีวิต หนังสือเล่มที่ท่านเลือกก็คือ “พุทธธรรม” ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)

พระไพศาลเล่าถึงหนังสือ “พุทธธรรม” ว่า

“หนังสือเล่มนี้อาตมาอ่านจบช่วงเข้าพรรษาสมัยที่เป็นฆราวาสเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕  ตั้งใจว่าจะอ่านให้ได้วันละสิบหน้าก็อ่านได้ทุกวัน  พรรษาหนึ่งประมาณเก้าสิบกว่าวัน  หนังสือมีความหนาประมาณพันกว่าหน้า  อ่านตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายก็พอดี  เป็นการฝึกความเพียรและวินัยด้วย  บางทีเราเดินทางไปต่างจังหวัด ก่อนหน้านั้นวันหนึ่งจะต้องอ่านเพิ่มอีกสิบหน้าเพื่อชดเชยกับวันที่ต้องเดินทาง”

นอกจากความเพียรในการอ่านแล้ว ช่วงนั้นพระไพศาลซึ่งเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยยังได้รับความเมตตาจากพระราชวรมุนี (สมณศักดิ์ในขณะนั้นของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์) อนุญาตให้เข้าพบเป็นประจำทุกเดือนเพื่อสนทนาธรรมสอบถามข้อสงสัยจากหนังสืออีกด้วย

“อ่านหนังสือแล้วไปถามท่าน เราก็ได้ความกระจ่างเยอะ  ถือเป็นความโชคดีในฐานะนักอ่าน  ยิ่งได้คุยกับท่านก็ยิ่งรู้ว่าท่านเป็นผู้มีสติปัญญาล้ำเลิศ  ถ้าจัดเรตให้ต้องถือว่าเฟิสต์เรต…อัศจรรย์มาก!!”

(จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี)

พุทธธรรม เป็นหนังสือธรรมะ แต่งโดยพระธรรมปิฎก(ประยุทธ์ ปยุตฺโต)แรกเริ่มเดิมทีท่านเขียนเป็นบทความขนาดยาวลงพิมพ์เพื่อ เป็นอนุสรณ์แก่พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าพระองค์วรรณฯ ต่อมาได้ขยายบทความชิ้นนั้นมาเป็นหนังสือขนาดย่อม แล้วมาขยายเป็นฉบับขยายความดังที่ปรากฏในปัจจุบัน หนังสือ พุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าทางพระพุทธศาสนามากที่สุดเล่มหนึ่ง เพราะประมวลหลักพุทธธรรม หรือกฎของธรรมชาติในแง่มุมต่างๆ โดยดึงเอาคำอธิบายจากพระไตรปิฎก, อรรถกถา,ฎีกา, อนุฎีกา ฯลฯ เพื่อให้พุทธวจนะแจ่มกระจ่างไว้ครบถ้วน สมบูรณ์มาก เหมาะสำหรับผู้สนใจใฝ่รู้เนื้อหาพระพุทธศาสนาโดยภาพรวมทั้งหมดไว้ประจำบ้าน

นับเป็นหนึ่งในหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน นับเป็นหนังสือที่สำคัญเล่มหนึ่งในวงการพุทธศาสนา และได้รับการยกย่องเสมอมา จนปัจจุบัน

เว็บไซต์: www.se-ed.com/product


 

ก่อนมรณาจะมาถึง

หนังสือศาสนาพุทธอ่านง่าย

ในหนึ่งปีที่เราฉลองวันเกิด เพื่อนๆได้ลองทบทวนไหมว่า ชีวิตมีคุณงามความดี มีคุณภาพใหม่ ชีวิตใหม่ เกิดขึ้นบ้างหรือไม่? เราควรตั้งเป้าหมายในชีวิต อย่าประมาทในการใช้ชีวิต โดยคิดว่ายังหนุ่มสาว ยังแข็งแรง ยังมีเวลาเหลืออีกมาก จงใช้ชีวิตอย่างคุ้มค่าและเกิดมารับใช้ผู้อื่น เพราะความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ถือเป็นหนังสือธรรมะน่าอ่านอีกเล่ม ที่เขียนโดย ท่าน ว. วชิรเมธี พระอาจารย์ที่มีชื่อเสียง ShopBack เชื่อว่าเพื่อนๆคงรีบหาซื้อติดบ้านกันเลยทีเดียว

หนังสือเล่มนี้จะทำให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าในการมีชีวิตอยู่ว่าทำอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและผู้อื่น เพราะทุกวันที่ยังมีชีวิตอยู่ เป็นวันที่เรายังสามารถทำในสิ่งที่อยากทำ ยังมีโอกาสได้ทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทำ หากเราปล่อยให้แต่ละวันผ่านเลยไปโดยไร้ประโยชน์แล้ว เราจะพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย

เว็บไซต์: www.amarinbooks.com/product


 

ทุกข์ไม่ไปหรือเราไม่ปล่อย

หนังสือศาสนาพุทธราคาถูก

มนุษย์ทุกวันนี้มีความทุกข์กันมากมาย หากไม่ทุกข์เพราะทรัพย์สินเงินทอง ไม่ทุกข์เพราะความรัก ไม่ทุกข์เพราะอำนาจ ไม่ทุกข์เพราะชื่อเสียงและอื่นๆอีก หลายอย่างที่รุมเร้า เพราะยึดติดใน ตัวกู-ของกู สิ่งที่เราคิดว่าเป็นเจ้าของอยู่ แท้จริงสิ่งนั้นอาจะเป็น เจ้าของเรา อยู่ก็เป็นได้

ตราบใดที่ยังคง กำ ไม่ยอม ปล่อย ตราบนั้นอายุของความทุกข์ก็ยังคงยืดเยื้อยาวนานออกไป ปล่อยลงปลงกันได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเอง ที่ความทุกข์จะหมดอายุขัย สรรพสิ่งล้วนเปลี่ยนตามกฎอนิจจังอยู่แล้ว ไม่มีความทุกข์หรือปัญหาที่อยู่กับเราไปตลอด เป็นเราต่างหากที่เผลอกำทุกข์นั้นไว้จนชิน ทุกข์ไม่ไป หรือ เราไม่ปล่อย บางทีนี่ก็เป็นปุจฉา ที่เราน่าจะตั้งขึ้นมาถามตัวเองบ้างเหมือนกัน เพื่อนๆว่าไหมคะ หนังสือธรรมะน่าอ่านเล่มนี้น่าจะตอบคำถามคาใจ ที่เป็นคำถามสามัญประจำบ้านของใครหลายคนได้ดีทีเดียว

เว็บไซต์: www.se-ed.com/product


 

Kongrath
Kongrath

The inspiration about writing comes from hour and hour of constant work because I want to make contribution to the world.

Top Best Brand สุดยอดแบรนด์ที่ดีที่สุด
Logo