ปักหมุด 100 สถานที่ยอดนิยมที่สุดในสหราชอาณาจักรที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง

100 อันดับสถานที่ยอดนิยมที่สุดในสหราชอาณาจักร
- พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)
- หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Bigban)
- หอคอยแห่งกรุงลอนดอน (Tower of London)
- ปราสาทวอริก (Warwick Castle) เมืองวอริก
- พระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle)
- วิหารเมืองยอร์ค (York Minster and Historic Yorkshire)
- วิหาร Canterbury
- มหาวิหารเดอรัม (Durham Cathedral) เมืองเดอรัม
- Stonehenge
- โรงอาบน้ำโรมัน และบ้านสมัยจอร์เจี้ยน (The Roman Baths and Georgian City of Bath)
- The Cotswolds
- โคคา โคลา ลอนดอน อาย (Coca-Cola London Eye) กรุงลอนดอน
- Tower of London
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ British Museum
- Lake District
- ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Windermere) เมืองคัมเบรีย
- สวนสัตว์เชสเตอร์ (Chester Zoo)
- Warwick Castle
- มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)
- อาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน (Houses of Parliament)
- มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด Oxford University
- กำแพง Hadrian
- โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Warner Bros Studio Tour London: The Making of Harry Potter)
- อุทยานแห่งชาติ Lake District (Lake District National Park)
- พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ (British Museum)
- พิพิธภัณฑ์สงคราม (Churchill War Rooms)
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)
- โปรเจค อีเดน Eden Project
- เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey)
- ย่านโรงละคร West End Theatre
- จัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square)
- หอศิลป์แห่งชาติ (National Gallery)
- มหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul’s Cathedral)
- พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศลอนดอน The Royal Air Force Museum London
- ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)
- ปราสาท Warwick
- ห้างแฮร์รอดส์ Harrods
- พิพิธภัณท์ศิลปะ Tate Modern
- เที่ยวเกอร์คิน (The Gherkin)
- โรงละครแห่งชาติลอนดอน (National Theatre of London)
- ปราสาท คาร์นาร์วอน (Caernarfon Castle)
- ปราสาทคอนวี่ (Conwy Castle)
- ปราสาทคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Castle)
- อ่าวคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Bay)
- พรินซิพาลิตีสเตเดียม (Principality Stadium)
- อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์
- สโนว์โดเนีย
- Snowdon
- Conwy Castle
- Pembrokeshire Coast National Park
- อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์
- เกาะสกาย (Isle of Skye)
- เอดินเบอระ (Edinburgh)
- พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสก็อตแลนด์(National Museum of Scotland)
- เซนต์แอนดรูว์ (St Andrews)
- พิพิธภัณฑ์และห้องจัดแสดงศิลปะเคลวินโกรฟ(Kelvingrove Art Gallery & Museum)
- ทะเลสาบล็อคเนสและภูเขาไฟเกล็นโค (Loch Ness and Glen Coe)
- เนินเขา คาร์ลตัน ฮิลล์ (Calton Hill)
- มหาวิหารเซนต์ไกล์ส์(St Giles’ Cathedral)
- โบสถ์รอสลิน (Rosslyn Chapel and Literary Tours)
- อนุสาวรีย์สก็อต (Scott Monument)
- ศูนย์แสดงศิลปะแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Gallery)
- นั่งซิตี้บัสทัวร์
- พระราชวัง ฮอลลีวูด (Holyrood Palace)
- สวนสัตว์ เอดินเบอระ (Edinburgh Zoo)
- บ๊อบบี้ (Greyfriars Bobby)
- ปรินส์ สตรีท(Princes Street)
- พิพิธภัณฑ์ริเวอร์ไซด์ (Riverside Museum)
- The Scotch Whisky Heritage Centre
- ย่านเมืองเก่าเอดินเบิร์ก(Old Town Edinburgh)
- สวนรุกขชาติ เอดินเบอระ (Royal Botanic Garden Edinburgh)
- Holyrood Park and Arthur’s Seat
- พิพิธภัณฑ์สงครามแห่งชาติ (National War Museum)
- oyal Botanical Garden Edinburgh
- อาร์เธอร์ส ซีท(Arthur’s Seat)
- ศูนย์แสดงศิลปะสไตล์โมเดิร์น (Gallery of Modern Art)
- Old Town Edinburgh
- คาร์ลตัน ฮิลล์ (Calton Hill)
- Stirling Castle (ปราสาท สเตอร์ลิง)
- National Museum of Scotland
- พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์เคลวินโกรฟ (Kelvingrove Art Gallery and Museum)
- ลิฟต์ยกเรือฟอลเคิร์กวีล (The Falkirk Wheel)
- National Gallery of Scotland
- วิหารกลาสโกว์(Glasgow Cathedral)
- ศูนย์วิทยาศาสตร์กลาสโกว์ (Glasgow Science Centre)
- Stirling Castle
- The Scottish Parliament (รัฐสภาสกอตแลนด์)
- Balmedie Beach
- พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งประชาชน (The People’s Palace Museum)
- Urquhart Castle (ปราสาทอาฟการ์ต)
- อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นี (Killarney National Park)
- The Rock of Cashel
- บรู นา บวา เน (Brú Na Bóinne )
- ตัวมืองเบสฟาสท์
- สะพานยักษ์ (Giant’s Causeway)
- คาบสมุทรดิงเกิ้ล (The Dingle Peninsula)
- หน้าผาโมเฮอร์ (Cliffs of Moher )
- วรรณกรรมแห่งกรุงดับลิน (Literary Dublin)
- อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นี (Killarney National Park)
- เมืองกัลเวย์ (Galway City)
สหราชอาณาจักร หรือ United Kingdom (UK) คือชื่อเรียกดินแดนที่รวมตัวเข้าด้วยกัน ประกอบไปด้วยอังกฤษ เวลส์ สก็อตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเมื่อประกอบด้วยหลายประเทศแน่นอนว่าต้องมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆมากมายอยู่แล้ว จนทำให้ “สหราชอาณาจักร” เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมติดอันดับท็อป 10 ของโลก และแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยือนไม่ต่ำกว่า 34 ล้านคน หากคุณกำลังสนใจไปเที่ยวสหราชอาณาจักร เราได้รวบรวม 100 สถานที่ท่องเที่ยวไว้ให้คุณแล้ว
พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham Palace)
พระราชวังบักกิงแฮม เป็นพระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์อังกฤษ เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแด่ดยุคแห่งบักกิงแฮม แต่ปัจจุบันเป็นพระราชฐานที่ประทับของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร และพระสวามี รวมถึงครอบครัวของพระองค์ ซึ่งได้เปิดบางส่วนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสุด อลังการ ห้องต่าง ๆ ทั้ง 19 ห้องภายในพระราชวังที่ตกแต่งอย่างหรูหรา รวมไปถึงสวนโดยรอบพระราชวังที่มีการจัดแต่งด้วยดอกไม้มากกว่า 300 ชนิด อย่างสวยงาม สามารถเดินเที่ยวชมได้ภายในวันเดียว
หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Bigban)
หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์ หรือรู้จักกันดีในชื่อของ บิ๊กเบน หอเก่าแก่นี้ถูกสร้าง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2377 หลังจากไฟไหม้พระราชวังเวสต์มินสเตอร์เดิม แท้จริงแล้ว บิ๊กเบน ไม่ใช่ชื่อหอนาฬิกา แต่เป็นชื่อของ ระฆังหนัก 13 ตัน ซึ่งแขวนอยู่ตรงช่องลมเหนือหน้าปัดนาฬิกา และคำว่า บิ๊กเบน นั้นนำมาจากชื่อของ เซอร์ Benjamin Hall ชายคนแรกที่สั่งซื้อระฆัง Big Ben มีความสูง 96.3 เมตร เป็นหอนาฬิกาที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และกลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งอังกฤษ ทั้งยังปรากฏในภาพยนตร์หลายเรื่อง
หอคอยแห่งกรุงลอนดอน (Tower of London)
Tower of London ปราสาทราชวัง คุก สถานที่เก็บสมบัติ สถานที่สำรวจทางประวัติศาสตร์ ทั้งหมดรวมอยู่ในสถานที่เดียวกันซึ่งก็คือหอคอยแห่งกรุงลอนดอนนี่เอง ภายในมีอาคารสำคัญๆ มากมายที่ล้วนแต่มีประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างโหดเหี้ยม จึงไม่แปลกเท่าไรที่สถานที่แห่งนี้จะได้รับการกล่าวขานว่า “ผีดุ” ที่สุดแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ White Tower หรือหอคอยสีขาว ที่สร้างขึ้นในปี 1078 ในรัชสมัยของวิลเลี่ยมผู้พิชิต นอกจากนี้ไม่ควรพลาดที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของมีค่าของราชวงศ์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นมงกุฎเพชร ชุดอัศวินสมัยโบราณ รวมถึงการเข้าร่วมทริปกับ Yeoman Warders อดีตทหารรักษาพระองค์ ที่ผันตัวมาเป็นไกด์นำเที่ยว
ปราสาทวอริก (Warwick Castle) เมืองวอริก
ปราสาทอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ตั้งอยู่บนลุ่มน้ำเอวอน ในเมืองวอริก ตัวปราสาทเป็นหินสีน้ำตาลอ่อน มีอายุมากกว่าพันปี สร้างโดยสมเด็จพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ มีหอคอยอันโดดเด่น ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม พร้อมกับมีกิจกรรมมากมายให้ได้เข้าร่วมสนุก อีกทั้งการแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ ที่นักแสดงใส่ชุดอัศวินเท่ ๆ มาขี่ม้าฟันดาบให้เราได้ชื่นชมกัน บางช่วงของปี พื้นที่โล่งบริเวณรอบ ๆ ของปราสาทยังใช้เป็นที่จัดแสดงคอนเสิร์ตสุดชิลอีกด้วย
พระราชวังวินด์เซอร์ (Windsor Castle)
พระราชวังวินด์เซอร์ เป็นหนึ่งในที่ประทับของ Queen Elizabeth ที่สอง ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และถือเป็นพระราชฐานที่ยังมีผู้อยู่อาศัยที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก พระมหากษัตริย์และกษัตรีย์แห่งอังกฤษเกือบทุกพระองค์มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างและพัฒนา พระราชวังวินด์เซอร์ จากประวัติตามรัชสมัยต่างๆ ในยามสงบจากศึก พระราชวังวินด์เซอร์ ถูกใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์ ในยามสงคราม พระราชวังวินด์เซอร์ จะถูกใช้เป็นป้อมปราการด้วยการสร้างเสริมอย่างแน่นหนา และระบบนี้ยังคงใช้สืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
วิหารเมืองยอร์ค (York Minster and Historic Yorkshire)
วิหารเมืองยอร์ค เป็นอาสนสถาน หรือโบสถ์สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่สำคัญเป็นอันดับ 2 ในประเทศอังกฤษ บริเวณรอบๆ จะเป็นเมืองเก่าที่ยังมีกำแพงโบราณหลงเหลืออยู่ รายล้อมไปด้วยบ้านเมืองและร้านค้าต่าง ๆ ที่คุณสามารถเดินดูวิว และอย่าลืมไปเดินเล่นที่ Little Shambles ถนนเล็ก ๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดตรอกไดแอกอนในภาพยนตร์พ่อมดชื่อดังอย่าง Harry Potter อีกด้วย
วิหาร Canterbury
ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองประวัติศาสตร์ที่มีชื่อว่าวิหาร Canterbury (มรดกโลกขององค์การยูเนสโก) เป็นที่ตั้งของ อัครสังฆราชแห่งแคนเทอเบอรี่ และเป็นแหล่งกำเนิดของคริสต์ศาสนาอังกฤษ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อ เซนต์ออกุสตีน ได้เปลี่ยนศาสนาแซ็กซอนแองโกลที่นับถือศาสนาอิสลามในปีพ. ศ. 597 เมื่อเขากลายเป็นบาทหลวงคนแรก แต่เมืองยุคกลางที่สวยงามแห่งนี้มีมากขึ้นกว่าโบสถ์แห่งนี้ แคนเทอเบอรี่ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านวัฒนธรรมและความบันเทิงที่เป็นที่นิยมโดยมีแหล่งช็อปปิ้งแกลเลอรี่และคาเฟ่ที่ยอดเยี่ยมรวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเช่นผู้ที่สนใจ ชอเซอร์ในยุคอังกฤษ และเมืองโรมันในอดีต
มหาวิหารเดอรัม (Durham Cathedral) เมืองเดอรัม
มหาวิหารเดอรัม เป็นสถานที่สำคัญของประเทศอังกฤษ เป็นโบสถ์เก่าแก่ มีอายุเกือบพันปี มีสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1093 และเสร็จสมบูรณ์ใน 40 ปี ถัดมา สร้างขึ้นจากหิน ตัวปราสาทมีความกว้างประมาณ 143 เมตร รอบ ๆ มหาวิหารรายล้อมไปด้วยแม่น้ำ และต้นไม้เขียวขจี จึงทำให้ตัวมหาวิหารสีน้ำตาลอ่อนนั้นโดดเด่นและสง่างามอย่างมาก ภายในตกแต่งอย่างงดงาม มีพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ความรู้และจำหน่ายของที่ระลึกให้กับท่องเที่ยวด้วย
Stonehenge
สุดยอด สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ต้องยกให้ สโตนเฮนจ์ กลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ บนที่ราบ Salisbury บริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ที่มาของ สโตนเฮนจ์ ยังไม่มีบทสรุปที่แท้จริง มีเพียงข้อสันนิษฐานมากมาย นักโบราณคดีเชื่อว่า กองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เมื่อประมาณ 3000 – 2000 ปี ก่อนคริสตกาล โดยการคำนวณอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตร์และนักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าแท่งหินยักษ์ทั้งหมดถูกชักลากมาจากที่อื่น เนื่องจากที่ราบบริเวณนั้นไม่มีหิน ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจาก “ทุ่งมาร์ลโบโร” ที่อยู่ห่างออกไป 40 กิโลเมตร แต่ก็มีความเชื่อไปในทางเดียวกันว่า สโตนเฮนจ์ น่าจะถูกสร้างขึ้นเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนในยุคโบราณ ด้วยความอัศจรรย์และความลึกลับที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัด สโตนเฮนจ์ จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
โรงอาบน้ำโรมัน และบ้านสมัยจอร์เจี้ยน (The Roman Baths and Georgian City of Bath)
เมือง Bath เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เพราะมีสถาปัตยกรรมแบบโรมันที่สวยงามตั้งอยู่ นั่นก็คือ The Roman Bathsหรือโรงอาบน้ำกลางแจ้งแบบโรมันที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี และได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสปาแห่งแรกของโลก และบริเวณรอบ ๆ ก็เป็นอาคารบ้านเรือนที่มีลักษณะแบบจอร์เจี้ยนที่มีความสวยงามสะดุดตาเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับที่จะเดินหรือปั่นจักรยานชมเมืองในวันที่อากาศดีเป็นอย่างยิ่ง
The Cotswolds
Cotswolds นั้นหมายถึง เทือกเขาเล็กๆเป็นแนวยาวทางตอนใต้ของประเทศอังกฤษ ซึ่งจุดหลักของ Cotswolds (จุดที่สูงที่สุด) นั้นยาวประมาณ 330 เมตร สิ่งปลูกสร้างในบริเวณนี้เป็นแบบก่อด้วยหิน ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้นอกจากจะดูสวยงามแล้วยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานอีกด้วย ที่ Cotswolds เป็นแหล่งท่องเที่ยวอังกฤษที่มีชื่อเสียงและนิยมเป็นอย่างมาก แถมยังไม่ไกลจากกรุงลอนดอนนัก ทำให้การเดินทางมานั้นง่ายแสนง่าย และมีราคาไม่แพงด้วย
โคคา โคลา ลอนดอน อาย (Coca-Cola London Eye) กรุงลอนดอน
อีกหนึ่งประสบการณ์สุดพิเศษที่จะทำให้คุณจดจำอังกฤษไปตลอดกาล กับการขึ้นชิงช้าสวรรค์ยักษ์ หรือโคคา โคลา ลอนดอน อาย ที่มีความสูงกว่า 135 เมตร เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอย่างโดดเด่นอยู่บริเวณริมแม่น้ำเทมส์ ออกแบบโดย Marks Barfield ซึ่งแต่ละบอลลูนนั้นก็สามารถบรรจุคนได้มากกว่า 10 คน นักท่องเที่ยวจะได้พบกับทัศนียภาพของเมืองลอนดอนในมุมสูง ยิ่งในช่วงค่ำคืนจะมีบรรยากาศที่โรแมนติกมาก เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00-21.30 น.
Tower of London
หอคอยแห่งลอนดอน สถานที่ท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน เป็นพระราชวังหลวงและป้อมปราการ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าวิลเลียมที่ 1 แห่งอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1078 เพื่อป้องกันการโจมตีของชาวเมืองที่ต่อต้านชาวนอร์มัน ต่อมา หอคอยแห่งลอนดอน ถูกใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่มียศศักดิ์สูง ตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1100 จนถึง กลางศตวรรษที่ 20 และที่แห่งนี้ถูกโจษจันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่สุดหลอน
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ British Museum
British Museum เป็นสถานที่ไม่ควรพลาดการเข้าชมเป็นอย่างยิ่ง เพราะพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้รวมรวมสิ่งของล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ อย่างที่ไม่สามารถประเมินค่าได้จากทุกมุมโลกมาตั้งไว้ ตั้งแต่สมัยยุคเปอร์เซีย อัสสีเรียน อียิปต์ กรีก โรมัน และเอเชีย โดยภายในได้มีการแบ่งออกเป็นโซน ๆ เช่น โซนอียิปต์ก็จะมี โลงศพคลีโอพัตรา มัมมี่อียิปต์ทั้งคนและสัตว์ รวมถึงรูปสลักของอัสซีเรียน หากเป็นโซนกรีก ก็จะมี วิหารพาร์เธนอน รูปปั้นเทพีอะโฟรไดท์ โซนเอเชีย ก็จะมีพระพุทธรูปโบราณจากอินเดียและกัมพูชา รวมไปถึงเครื่องประดับโบราณจากประเทศไทย และที่ต้องห้ามพลาดเลยก็คือ แผ่นหิน Rosetta Stone ที่เป็นต้นแบบของศิลาจารึกภาษาอียิปต์
Lake District
สถานที่ท่องเที่ยวของที่นี่ก็คือทะเลสาป รวมทั้งภูเขาทั้งเล็กและใหญ่ ไม่น่าเชื่อว่าแต่ก่อนมีแต่น้ำแข็งในพื้นที่นี้ ถึงวันนี้มีวิวทิวทัศน์สวยงาม ราวกับเทพนิยาย ซึ่งที่นี่เป็นสวรรค์ของนักปีนเขาทั่วโลกด้วยความสวยงามของธรรมชาติในอาณาเขต Lake District ทำให้มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวถึง 14 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ (Windermere) เมืองคัมเบรีย
ทะเลสาบวินเดอร์เมียร์ เป็นทะเลสาบที่สวยและใหญ่ที่สุดในอังกฤษ ด้วยพื้นที่กว้างกว่า 10 ไมล์ มีความลึกประมาณ 219 ฟุต น้ำในทะเลสาบนี้จะเต็มตลอดปี รายล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ พร้อมทั้งต้นไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย และสัมผัสได้ถึงความบริสุทธิ์ของอากาศโดยรอบ เป็นสถานที่พักตากอากาศสุดฮิตของคนท้องถิ่น น้ำในทะเลสาบไหลเย็นและใสสะอาด แต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามแตกต่างกันไป สามารถพักได้ตามโรงแรมหรือโฮมสเตย์ใกล้ ๆ ทะเลสาบ ซึ่งมีบรรยากาศที่สวยงามมาก รู้สึกได้ถึงการพักผ่อนที่แท้จริง
สวนสัตว์เชสเตอร์ (Chester Zoo)
สวนสัตว์เชสเตอร์ตั้งอยู่ใน Upton ไม่ไกลจากเมืองเชสเตอร์มากนัก โดยสวนสัตว์เชสเตอร์เป็นสวนสัตว์ที่ว่ากันว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป และมีผู้คนเข้าชมมากที่สุดในประเทศอังกฤษ ภายในมีสัตว์มากกว่า 11,000 ชนิด 400 สปีชีส์ ด้วยพื้นที่มากกว่า 125 เอเคอร์ สวนสัตว์เลยได้จัดให้มีการทัวร์โดยการใช้รถราง ซึ่งจะผ่านสถานที่สำคัญ ๆ อย่าง ที่อยู่ของชิมแปนซี นกเพนกวิน และป่าจำลองของยุโรป
Warwick Castle
เดิมทีปราสาท Warwick เป็นปราสาทไม้ที่ถูกสร้างโดย วิลเลี่ยม ผู้พิชิต (William the Conqueror) ในปี 1068 ภายหลังถูกบูรณะใหม่โดยใช้หินในการก่ออาคารแทนไม้ในศตวรรตที่ 12 ต่อมาในศตวรรตที่ 14 ปราสาท Warwick ถูกรื้อสร้างใหม่อีกรอบ ซึ่งจุดประสงค์ในการสร้างใหม่นั้น มุ่งเน้นเพื่อใช้ในทางทหาร และถูกให้จัดเป็นแบบอย่างของป้อมปราสาทที่เหมาะแก่การทำสงคราม ในปี 2001 ปราสาท Warwick ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 10 อนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ของอังกฤษ และแน่นอนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอังกฤษที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากอีกด้วย
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge University)
มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ตั้งอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่อันดับ 2 รองจากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด นอกจากจะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศอังกฤษแล้ว ตัวมหาวิทยาลัยยังมีภูมิทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย เพราะมีอาคารที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์กอธิกให้ได้ชื่นชม ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ดังระดับโลกอย่างเรื่องแฮรี่ พอตเตอร์ อีกด้วย
อาคารรัฐสภาแห่งลอนดอน (Houses of Parliament)
Houses of Parliament ในอดีตเคยเป็นพระราชวัง Westminster ของเชื้อพระวงศ์อังกฤษตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มาก่อน แต่ด้วยการเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ถึง 2 ครั้ง จึงทำให้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เป็นรัฐสภามาจนถึงปัจจุบัน ภายในเต็มประด้วยสถาปัตยกรรมอันสวยงาม เช่น ห้องเชื้อพระวงศ์ ห้องโถง Westminster Hall ที่ไม่อนุญาตให้มีการถ่ายรูป แต่ก็คุ้มค่ากับการเข้าไปชมอย่างแน่นอน
มหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด Oxford University
University of Oxford ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยภายในมหาวิทยาลัยก็จะประกอบไปด้วยวิทยาลัยที่เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยมากกว่า 30 แห่ง ซึ่งแต่ละวิทยาลัยก็จะมีความแตกต่างหลากหลายในเรื่องของสาขาวิชาและหลักสูตร ที่มีชื่อเสียงได้แก่ Balliol College, Christ Church, Hertford College, New College, Worcester College, Trinity College เป็นต้น ประกอบกับระบบการศึกษาที่มีความทันสมัยของที่นี่ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เหล่าบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกจำนวนมากเข้ามาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่เปรียบเสมือนศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้อย่างแท้จริง
กำแพง Hadrian
กำแพงฮาเดรียนถูกสร้างโดยจักรวัติโรมันเพื่อที่จะใช้เป็นกำแพงป้องกัน Britannia หนึ่งในอาณานิคมของโรมันจากชนเผ่าจากสก็อตแลนด์ที่มาบุกรุก กำแพง Hadrian นั้นมีความยาวถึง 117 กิโลเมตร ลากยาวจากตอนเหนือของอังกฤษตั้งแต่ทะเลไอริสจนไปถึงทะเลเหนือ กำแพง Hadrian เริ่มก่อสร้างเมื่อ 122 AD หลังจากที่จักรพรรดิ์ฮาเดรียนแห่งโรมันทรงมาเยือน และใช้เวลาก่อสร้าง 6 ปีเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันกำแพงฮาเดรียนยังคงเห็นได้ชัดทั้งจากเครื่องบิน และจากภาคพื้นดิน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่นิยมประวัติศาสตร์มักจะมาเยี่ยมเยือนเสมอ ทำให้กำแพงแห่งนี้เป็นที่เที่ยวของอังกฤษที่นิยมเป็นอันดับต้นๆเลย
โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Warner Bros Studio Tour London: The Making of Harry Potter)
โรงถ่ายแฮร์รี่ พอตเตอร์ แห่งค่าย Warner Bros ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ในสถานที่ที่มีชื่อว่า Leavesden Aerodrome ซึ่งแต่เดิมเคยเป็นโรงงานผลิตเครื่องบินที่มีชื่อเสียงหลายรุ่น เช่น Mosquito, Halifax Bombers ในสมัยสงความโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ Warner Bros จะซื้อที่นี่และตั้งโรงถ่ายภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มานานกว่าสิบปี และสุดท้ายที่นี่ก็กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งสาวกเหล่าพ่อมดแม่มดน้อยไม่ควรพลาด ทั้งนี้ Warner Bros ยังคงเก็บรักษาหลายๆ ฉากที่โดดเด่นจากภาพยนตร์ รวมถึงของประกอบฉาก กระทั่งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย เพื่อให้แฟนๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้เข้ามาสัมผัสกับความมหัศจรรย์ และเก็บภาพความประทับใจลงในบันทึกความทรงจำไปตลอดกาล (ต้องซื้อตั๋วเข้าชมล่วงหน้า)
อุทยานแห่งชาติ Lake District (Lake District National Park)
ด้วยพื้นที่กว้างขวางมากกว่า 900 ตารางไมล์ อุทยานแห่งชาติ Lake District จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ภายในมีคลองที่ยาวมากกว่า 2,000 ไมล์ และมีภูเขา Scafell Pike ที่สูงที่สุดในประเทศอังกฤษ รวมทั้งยังมีกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ให้ทำภายเขตอุทยานอีกมากมายปัจจุบัน ทั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธและ เจ้าฟ้าชายฟิลิป และล่าสุดคือระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและองค์หญิงเคท ส่วนบริเวณชั้นล่างของวิหารนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์สมบัติแอบบีย์ ที่นักท่องเที่ยวควรไปเยือนสักครั้ง
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ (British Museum)
พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของอังกฤษ เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดในโลก ภายในรวบรวมศิลปะ และวัตถุโบราณจากทั่วทุกมุมโลกมากกว่า 6 ล้านชิ้น จัดแสดงของสะสมยุคอียิปต์โบราณ และโบราณวัตถุของกรีกและโรมัน เช่นก้อนหินโรเซ็ตตา (Rosetta Stone) มัมมี่และหีบศพโบราณ รวมถึงรูปปั้น ข้าวของเครื่องใช้ อาวุธ สิ่งประดิษฐ์ พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา เหรียญกษาปณ์จากทั่วโลก
พิพิธภัณฑ์สงคราม (Churchill War Rooms)
พิพิธภัณฑ์ Churchill War Rooms เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับสงครามโลกที่ไม่ควรพลาดการเข้าชมเป็นอันขาด เนื่องจากภายในนั้นเคยเป็นบัญชาการรบของประเทศอังกฤษจริงๆ ซึ่งก็ได้มีการจำลองการใช้สถานที่ภายใน รวมทั้งห้องนอนของวินสตัน เชอร์ชิล และอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชนิด ถึงแม้ว่า
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ (Natural History Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มุ่งเน้นในเรื่องของโลกของธรรมชาติ รวมถึงเป็นศูนย์วิจัยในเรื่องต่างๆราว 70 ล้านสาขา ซึ่งรวมถึงด้านพันธุ์พืช Entomology, Mineralogy, Palaeontology และสัตว์วิทยา
โปรเจค อีเดน Eden Project
โครงการ Eden Project เป็นโครงการที่ได้รวมรวมพันธุ์พืชจากทั่วโลก มีจุดเด่นอยู่ที่โดมเรือนกระจกขนาดยักษ์ที่มีลักษณะคล้ายกับอิกลู ซึ่งข้างในได้บรรจุพืชมากกว่า 1,000 สายพันธุ์เอาไว้ และยังมีพื้นที่สำหรับการจัดแสดงการเจริญเติบโตของพืชให้ได้ชมกันอีกด้วย
เวสต์มินสเตอร์แอบบีย์ (Westminster Abbey)
วิหารเวสต์มินสเตอร์แอบบีย์เปรียบได้ดั่งหัวใจและจิตวิญญาณของชาวอังกฤษ ความสำคัญของที่นี่นอกเหนือจากสถาปัตยกรรมแบบกอธิคแล้ว วิหารแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ฝังพระศพของกษัตริย์แห่งอังกฤษหลายพระองค์ รวมทั้งเป็นที่ตั้งอนุสรณ์สถานเพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ในประวัติศาสตร์ และที่สำคัญคือวิหารแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่จัดพระราชพิธีอภิเษกสมรสครั้งประวัติศาสตร์ของเหล่าราชวงศ์มากมายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งพระราชพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าหญิงเอลิซาเบธและ เจ้าฟ้าชายฟิลิป และล่าสุดคือระหว่างเจ้าชายวิลเลียมและองค์หญิงเคท ส่วนบริเวณชั้นล่างของวิหารนั้นเป็นพิพิธภัณฑ์สมบัติแอบบีย์ ที่นักท่องเที่ยวควรไปเยือนสักครั้ง
ย่านโรงละคร West End Theatre
ถ้าอเมริกามี Broadway อังกฤษก็มี West End ย่านสำหรับการชมมหรสพต่าง ๆ รวมถึงละครเพลงเรื่องดังของอังกฤษ ก่อนที่จะมาเป็นโรงละคร ในอดีต สถานที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่สำหรับชนชั้นสูงอยู่อาศัยมาก่อน เพราะอยู่ไม่ไกลจากพระราชวัง Westminster มากนัก แต่ถ้าหากไม่ต้องการชมละคร ก็ยังสามารถเที่ยวชมบริเวณโดยรอบได้ เพราะมีทั้งแกลเลอรี่ พิพิธภัณฑ์ สวนสัตว์ และร้านอาหารอร่อย ๆ ให้ได้ลิ้มลองกัน
จัตุรัสทราฟัลการ์ (Trafalgar Square)
จัตุรัสทราฟัลการ์ คือสถานที่ที่ดีที่สุดของการนัดพบกลางกรุงลอนดอน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของสงครามทราฟัลการ์ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1805 ที่นี่ถือเป็นสถานที่ซึ่งนักท่องเที่ยวควรมาเยือนอย่างที่สุด เพราะนอกจะมีมุมสวยๆ ให้ได้ถ่ายภาพอย่างอนุสาวรีย์นายพลเนลสัน งานประติมากรรมสิงโตสำริด รูปสลักของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 4 น้ำพุ ฯลฯ ที่นี่ยังรายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญให้ได้เที่ยวกันอย่างเต็มอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ โบสถ์เซนต์มาร์ตินอินเดอะฟีลด์ นอกจากนั้นจากตรงกลางของจัตุรัส ยังสามารถมองเห็นหอนาฬิกาบิ๊กเบนที่สวยเด่นเป็นสง่าได้อย่างชัดเจน
หอศิลป์แห่งชาติ (National Gallery)
ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ ไม่ควรพลาดการเข้าชมหอศิลป์ของประเทศอังกฤษเลย เพราะภายในสถานที่แห่งนี้มีการจัดแสดงภาพให้เข้าชมกันมากกว่า 2,000 ภาพ ซึ่งบางภาพก็มีความเก่าแก่มาก เทียบเท่ากับสมัยสุโขทัยของบ้านเราเลย แต่ที่เป็นไฮไลท์สุดๆ ก็คงจะเป็นภาพของลีโอนาร์โด ดาวินชี และปิกัสโซ่ และถ้าหากไปในช่วงเทศกาลพอดี บริเวณภายนอกหอศิลป์ ก็จะเป็นลานจัดแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้งอีกด้วย
มหาวิหารเซนต์พอล (St.Paul’s Cathedral)
ปัจจุบันนี้ก็มักจะจัดงานเทศกาลเกี่ยวกับอัศวินเพื่อเป็นการรำลึกและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวกันอยู่บ่อยครั้งมหาวิหารเซนต์ปอลเป็นโบสถ์ที่สำคัญอีกแห่งในกรุงลอนดอน ซึ่งมีความโดดเด่นด้วยยอดโดมสีขาวขนาดใหญ่ความสูงกว่า 11 เมตร ที่สามารถมองเห็นได้แม้อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเทมส์ ในอดีตที่ผ่านมามหาวิหารเซนต์พอลถูกใช้เพื่อจัดพระราชพิธีที่สำคัญต่างๆ มากมาย ทั้งพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเจ้าฟ้าชายชาร์ลกับเจ้าหญิงไดอาน่า รวมถึงยังเป็นที่ฝังศพของบุคคลสำคัญที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์อังกฤษหลายคน นักท่องเที่ยวนิยมาที่นี่ เนื่องจากมีบริการมัคคุเทศก์นำเที่ยว อีกทั้งยังสามารถขึ้นไปด้านบนของโดมเพื่อชมงานศิลปะที่ใช้ตกแต่งวิหาร รวมถึงชมวิวมุมสูงของกรุงลอนดอนได้ด้วย
พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศลอนดอน The Royal Air Force Museum London
Royal Air Force Museum เป็นอีกพิพิธภัณฑ์ที่ควรค่าแก่การเข้าชมมาก เพราะรวบรวมเครื่องบินของอังกฤษที่ได้ประจำการในสงครามโลกไว้อย่างมากมายมากกว่า 100 ลำ ภายในแบ่งการแสดงออกเป็น 5 โซน เช่น โซนประวัติศาสตร์ โซนเหตุการณ์สำคัญของเครื่องบิน โซนโรงงานผลิตเครื่องบิน โซนเครื่องบินทิ้งระเบิด และโซนที่เป็นไฮไลท์สำคัญ ก็คือโซน The Battle of Britain ที่ได้จัดแสดงเครื่องบินรุ่น “สปิตไฟร์” เครื่องบินของที่เอาชนะกองทัพอากาศของนาซีที่เกรียงไกรที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 2
ทาวเวอร์บริดจ์ (Tower Bridge)
วิศวกรรมอันน่าประทับใจนี้คือไอคอนอีกแห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน ทาวเวอร์บริดจ์คือสะพานที่ถูกออกแบบให้เป็นทั้งสะพานยกและสะพานแขวนภายในหนึ่งเดียว โดยสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1894 เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำเทมส์ที่แต่เดิมออกแบบเป็นทางเดินเท้า ใช้แก้ปัญหาการจราจรอันหนาแน่นในอดีต ทั้งนี้ชื่อของทาวเวอร์บริดจ์ ได้มาจากการที่สะพานถูกสร้างขึ้นใกล้กับหอคอยแห่งลอนดอนนั่นเอง นอกจากนั้นทาวเวอร์บริดจ์ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่โปรดของผู้ที่รักและชื่นชอบเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เนื่องจากข้างบนมีการจัดงานนิทรรศการ Tower Bridge เพื่อนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้างสะพาน รวมทั้งเหตุการณ์สำคัญๆ อีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นบนสะพานแห่งนี้
ปราสาท Warwick
หากคุณต้องการที่จะศึกษาประวัติศาสตร์ในสมัยยุคกลาง ว่าอัศวินและขุนนางเขามีชีวิตเป็นอยู่กันอย่างไร ต้องลองมาเที่ยวปราสาทแห่งนี้กันเลย ปราสาท Warwick ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำ Avon มีอายุมากกว่า 900 ปี ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มักจะจัดงานเทศกาลเกี่ยวกับอัศวินเพื่อเป็นการรำลึกและสร้างความตื่นตาตื่นใจให้นักท่องเที่ยวกันอยู่บ่อยครั้ง
ห้างแฮร์รอดส์ Harrods
ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ และดังระดับโลก ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน เป็นหนึ่งในแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของคนไทย มีสินค้าแบรนด์เนม น้ำหอม และนาฬิกาแบรนด์ดังๆ มากมาย ข้างในตกแต่งหรูหราสวยงามมีหลายธีม และสุดท้ายสินค้าของแฮร์รอดส์ใช้สัญลักษณ์เป็นตุ๊กตาหมีน่ารักมากๆ
พิพิธภัณท์ศิลปะ Tate Modern
Tate Modern เป็นการนำเอาอาคารเก่าขนาดใหญ่มาดัดแปลงเพื่อทำเป็นแกลเลอรี่แสดงผลงานศิลปะแบบโมเดิรน์ เช่น ภาพวาด งานประติมากรรม งานภาพยนตร์ งานศิลปะบนกระดาษ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงผลงานของศิลปินชื่อดังระดับโลกอย่าง Picasso, Rothko, และ Dali อีกด้วย
เที่ยวเกอร์คิน (The Gherkin)
อาคารรูปทรงมหัศจรรย์แห่งนี้ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของการออกแบบอาคาร ให้มีลักษณะเป็นตึกเกลียวทรงแตงกวาดองที่สูงระขอบฟ้ากลางกรุงลอนดอน ใจกลางย่านการเงินสำคัญ โดยลักษณะการออกแบบที่ค่อนข้างแปลกนี้เอง จึงเรียกความสนอกสนใจแก่นักท่องเที่ยวอยู่สม่ำเสมอ ทั้งนี้ชื่ออย่างเป็นทางการของตึกนี้ก็คือ 30 St. Mary Axe แต่คนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่าเกอร์คิน อันเป็นชื่อตามลักษณะของตึก ภายในนอกจากจะเป็นที่ตั้งของสำนักงานและเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว ด้านบนของตึกยังมีร้านอาหาร และบาร์ให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ชื่นชมกับทัศนียภาพอันสวยงามของกรุงลอนดอน ด้วยมุมมองถึง 360 องศา โดยไม่มีเสาหรืออะไรมาบดบังให้ขัดตาเลย
โรงละครแห่งชาติลอนดอน (National Theatre of London)
National Theatre of London โรงละครแห่งนี้ เป็นโรงละครที่ติดอันดับ 1 ใน 3 โรงละครที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษ เพราะมีการแสดงแบบที่เรียกว่าสมจริงทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นฉาก ภาพและเสียง ส่วนละครที่นำมาแสดงนั่น ก็มักจะเป็นละครชื่อดังอย่าง แฮมเล็ต ของเช็คสเปียร์ บางครั้งก็จะมีพิน็อคคิโอ้ และโรบินฮู้ดให้ได้ชมกันด้วย และถ้าหากขึ้นไปบนดาดฟ้าของโรงละคร ก็จะสามารถมองวิวกรุงลอนดอนได้ทั่ว ทั้งในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
ปราสาท คาร์นาร์วอน (Caernarfon Castle)
เป็นปราสาทในยุคกลางที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก โดยตั้งอยู่ที่เมืองคายร์นาร์วอน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเวลส์ โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1283 โดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หลังจากที่พระองค์ได้รับชัยชนะจากการพิชิตเวลส์ จึงได้สร้างปราสาทเเห่งนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นฐานในการปกครองดินเเดนเเห่งใหม่ โดยเป็นปราสาทที่มีความเเข็งเเกร่งเเละใหญ่โตด้วยกำเเพงใหญ่เเละป้องปราการที่เเข็งเเกร่ง ภายในนั้นมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้ในยุคโบราณมากมาย
ปราสาทคอนวี่ (Conwy Castle)
ตั้งอยู่ในเมืองคอนวี่ เป็นปราสาทในยุคกลางที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้เป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่เป็นอย่างยิ่ง สร้างโดยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ หลังจากที่พระองค์ได้รับชัยชนะจากการพิชิตเวลส์ โดยปัจจุบันนั้นเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญเพราะสามารถชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของเมืองคอนวี่ได้อย่างชัดเจนเเละสร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
ปราสาทคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Castle)
เป็นหนึ่งในปราสาทที่มีความเก่าเเก่เป็นอย่างยิ่ง สร้างโดยชาวนอร์มันตั้งเเต่ปี ค.ศ. 1091 โดยเป็นป้อมปราการของชาวโรมันที่ยังหลงเหลืออยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนที่ในศตวรรษที่ 19 เอิร์ลแห่งบูทจะได้ต่อเติมตัวปราสาทให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยเป็นเหมือนปราสาทในเทพนิยายทำให้ในปัจจุบันเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างมาก ก่อนที่ตระกูลบูทจะยกปราสาทหลังนี้ให้เป็นสมบัติของเมืองคาร์ดิฟฟ์ เเละใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีต
อ่าวคาร์ดิฟฟ์ (Cardiff Bay)
เป็นบริเวณที่มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง โดยเป็นอ่าวที่มีความสำคัญของเวลส์อีกเเห่ง โดยบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยอาคารเก่าเเก่มากมายที่มีความสวยงามเเละเก่าเเก่อย่างมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจในการมาเที่ยวชมกับบรรยากาศริมทะเลที่สวยงาม เเละเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวเวลส์อีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง
พรินซิพาลิตีสเตเดียม (Principality Stadium)
เป็นสนามฟุตบอลที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก โดยมีความจุถึง 74,500 ที่นั่ง ตั้งอยู่ในคาร์ดิฟฟ์ โดยเป็นสนามเหย้าของ รักบี้ยูเนียนทีมชาติเวลส์ เเละทีมฟุตบอลทีมชาติเวลส์ โดยเป็นสนามที่สวยงามเเละใช้ในการจัดการเเข่งขันรายการสำคัญๆ หลายรายการ โดยเเต่เดิมนั้นมีชื่อว่า มิลเลนเนียมสเตเดียม นับว่าเป็นอีกจุดที่น่ามาเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่ง
อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์
อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์ คือ ผืนอาณาบริเวณที่คงไว้ซึ่งความงดงามทางธรรมชาติอันหาที่เปรียบไม่ได้ แนวเทือกเขาอันแข็งแกร่งไล่เรียงลดหลั่นลงเป็นหุบลำธาร ขณะที่ถ้ำหินปูนและน้ำตกสูงชันช่วยขับให้ทุ่งหญ้ากว้างที่ปกคลุมด้วยดอกไม้สะพรั่ง พื้นที่ป่า และเขาเขียวขจีดูโดดเด่นขึ้นมา อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์เป็นสวรรค์ของคนที่ชื่นชอบการขี่จักรยาน ท่องป่า ขี่ม้า และล่องไปตามธารน้ำ ค้นพบอนุสรณ์สถานโบราณกว่า 250 แห่ง หมู่บ้านที่มีปราสาทตั้งอยู่เบื้องบน และพื้นที่ที่ได้รับการยกให้เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
สโนว์โดเนีย
อุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยภูเขาบนพื้นที่ 823 ตารางไมล์ มีหมู่บ้านอันห่างไกล ทะเลสาบ และยอดเขา
Snowdon
Snowdon เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในเวลส์ที่ระดับความสูง 1,085 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลและจุดที่สูงที่สุดในเกาะอังกฤษนอกสก๊อตแลนด์ไฮแลนด์ ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Snowdonia ในกวินเนด เป็นภูเขาที่คึกคักที่สุดในสหราชอาณาจักรและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดอันดับที่สามในเวลส์โดยมีผู้เข้าชม 582,000 คนเป็นประจำทุกปี
Conwy Castle
Conwy Castle เป็นป้อมปราการใน Conwy ตั้งอยู่ใน North Wales มันถูกสร้างขึ้นโดยเอ็ดเวิร์ดฉันในระหว่างการพิชิตเวลส์ระหว่างปี 1283 และ 1832 สร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่กว้างขึ้นเพื่อสร้างกำแพงเมือง Conwy การป้องกันรวมกันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 15,000 ปอนด์สเตอลิงก์ ป้อมปราการปากแม่น้ำสมัยศตวรรษที่ 13 นี้ได้รับอนุรักษ์ไว้อย่างดี มีวิวอันงดงามบนเชิงเขา และร้านกิฟต์ชอป
Pembrokeshire Coast National Park
ทยานแห่งชาติ Pembrokeshire Coast เป็นอุทยานแห่งชาติตามแนวชายฝั่งของ Pembrokeshire ทางตะวันตกของเวลส์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1952 เป็นอุทยานแห่งชาติและเป็นหนึ่งเดียวในสหราชอาณาจักรที่ได้รับการสถาปนาเป็นส่วนใหญ่เพราะชายฝั่งอันงดงาม เป็นหนึ่งในสามอุทยานแห่งชาติในเวลส์และอีก 1 แห่งคือ Brecon Beacons และ Snowdonia
อุทยานแห่งชาติเบรคอนบีคอนส์
อุทยานแห่งชาติเบรกอนบีคอนส์ ตั้งอยู่ในเวลส์ จัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1957 ทางตอนใต้ของเวลส์ มีภูเขาเพ็นนะแวนเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในอุทยาน สูง 886 เมตร ภายในอุทยานมีพืชและสัตว์ต่าง ๆ มากมาย
เกาะสกาย (Isle of Skye)
เกาะสกาย คือสถานที่ซึ่งไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะหากมาเที่ยวสกอตแลนด์แต่ไม่ได้มาเยือนเกาะแห่งนี้ คุณจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่องแน่นอน เพราะมันเป็นเสมือนแลนด์มาร์กสำคัญด้านสถานที่ท่องเที่ยวของสกอตแลนด์ อีกทั้งความงดงามของมันยังเหมือนดินแดนในเทพนิยาย ทั้งภูเขา สายน้ำ และหมู่บ้านที่ถูกห้อมล้อมด้วยบรรยากาศสุดโรแมนติก เหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจมาก
เอดินเบอระ (Edinburgh)
เอดินเบอระเปรียบได้กับสวรรค์บนดิน เพราะมันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างที่มีสถาปัตยกรรมอันงดงามและเก่าแก่ ควรค่าที่มาเห็นกับตาตัวเองสักครั้ง นอกจากนี้หากอยากให้คุ้มค่ากับการเที่ยวสกอตแลนด์สุด ๆ ละก็ คุณจะต้องชมความงดงามของเอดินเบอระทั้งในยามกลางวันและยามค่ำคืน กับโมเม้นท์สวยสะดุดตาที่ต่างกันในเวลาท้องฟ้าแจ่มใสหรือเวลาท้องฟ้ามืดมิด แต่เมืองทั้งเมืองกลับส่องสว่างด้วยแสงไฟที่เล็ดลอดออกจากหน้าต่างของตึกรามบ้านช่อง ที่สำคัญบรรยากาศยังโรแมนติกสุด ๆ ด้วย
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสก็อตแลนด์(National Museum of Scotland)
ตั้งอยู่บนถนนเอดินเบรอะ แชมเบอร์ สตรีท พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นขุมทรัพย์แห่งสิ่งประดิษฐ์โบราณและวัตถุอันมีค่าเลยทีเดียว นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้ความนิยมมากที่สุดในสหราชอาณาจักรนอกเขตมหานครลอนดอน ซึ่งมีโปรแกรมการจัดแสดงนิทรรศการต่างๆที่ยิ่งใหญ่อลังการอยู่เนืองๆ ตลอดทั้งปี
เซนต์แอนดรูว์ (St Andrews)
ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง สำหรับขับรถจากเอดินเบอระมายังเซนต์แอนดรูส์ ที่ซึ่งคุณจะทึ่งไปกับความยิ่งใหญ่ของซากปรักหักพังบริเวณทุ่งโล่งกว้างริมทะเล ที่หลงเหลือไว้เป็นอนุสรณ์ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์และที่มาของสกอตแลนด์ นอกจากนี้หากเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ จะพบกับบันไดทางขึ้นซึ่งจะนำคุณมาสู่จุดชมวิว และแน่นอนว่าคุณจะเห็นความกว้างใหญ่ของทะเลเหนือและแนวเขาไกลลิบตาที่ตั้งเป็นแนวสลับซับซ้อน อีกทั้งยังเห็นหมู่บ้านซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่ดูขัดแย้งกับสนามกอล์ฟอันทันสมัยด้านข้าง
พิพิธภัณฑ์และห้องจัดแสดงศิลปะเคลวินโกรฟ(Kelvingrove Art Gallery & Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ถัดจากสวนสาธารณะวิคตอเรียนอันสุดแสนจะคลาสสิคริมฝั่งแม่น้ำเคลวินทางด้านตะวันตกสุดสุดของนครกลาสโกว์ เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุต่างๆมากมายกว่า 8,000 ชิ้นจากห้องจัดแสดงศิลปะอันงดงามที่มีอยู่ทั้งหมด 22 ห้อง
ทะเลสาบล็อคเนสและภูเขาไฟเกล็นโค (Loch Ness and Glen Coe)
ในดินแดนแห่งนี้มีตำนานเล่าขานกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันว่า ทะเลสาบล็อคเนสเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดที่เรียกว่าเนสซี ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตลึกลับขนาดใหญ่ที่ผู้คนยังคงพิสูจน์และค้นหาความจริงอยู่เรื่อย ๆ นอกจากนี้ยังมีที่ราบสูงซึ่งเป็นที่ตั้งของปราสาท Urquhart ที่ปัจจุบันหลงเหลือไว้เพียงซากปรักหักพังเท่านั้น ความน่าสนใจของดินแดนแห่งนี้ยังอยู่ที่ภูเขาไฟเกล็นโคซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลสาบและมีทัศนียภาพที่งดงามเหมาะแก่การนั่งเรือเข้าไปชมใกล้ ๆ อีกทั้งยังมีเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ว่ามันเคยเป็นที่สำหรับสังหารหมู่อย่างเหี้ยมโหดในศตวรรษที่ 17 ด้วย
เนินเขา คาร์ลตัน ฮิลล์ (Calton Hill)
เนินเขาแคลตันฮิลล์ จุดเดินเล่นชมวิวสวยๆ บนเนินเขาที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของถนน Princess Street ห่างจากย่านเมืองใหม่ประมาณ 15-20 นาที มีจุดเด่นคือซากวิหารพาร์เธนอนจำลองที่สร้างทิ้งไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ.1816 เพื่อระลึกถึงทหารหาญผู้เสียชีวิตในสงครามนโปเลียน ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นแลนด์มาร์คยอดนิยม ตั้งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวและมีนักท่องเที่ยวนิยมมาเยี่ยมชมจำนวนมาก นอกจากนี้บนเนินเขาแคลตันยังเป็นจุดชมวิวเมืองเอดินบะระที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งด้วยค่ะ ใครอยากดื่มด่ำบรรยากาศเมืองหลวงของสกอตแลนด์พร้อมเก็บภาพสวยๆ ไม่ควรพลาดเลย
มหาวิหารเซนต์ไกล์ส์(St Giles’ Cathedral)
สถานที่ตั้งอยู่บนถนนเส้นประวัติศาสตร์โรยัล ไมล์ มหาวิหารที่มียอดสูงเป็นรูปทรงคล้ายยอดมงกุฎที่งดงาม เป็นหนึ่งในอาคารที่มีลักษณะรูปทรงที่โดดเด่น เป็นที่น่าจดจำที่สุดของเมืองเอดินเบรอะ
โบสถ์รอสลิน (Rosslyn Chapel and Literary Tours)
สกอตแลนด์เป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดของนักประพันธ์และวรรณกรรมสุดเลื่องชื่อ และถ้าหากว่าคุณเป็นผู้ที่หลงใหลการอ่านวรรณกรรมเป็นชีวิตจิตใจละก็ แวะเวียนมาที่โบสถ์รอสลินได้เลย เพราะนอกจากความสวยงามและความเก่าแก่ของโบสถ์จะเป็นเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวแล้ว มันยังเป็นสถานที่ซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับ แดน บราวน์ (Dan Brown) นักเขียนชาวอเมริกัน ผู้ประพันธ์นิยายก้องโลกอย่างรหัสลับดาวินชี (Da Vinci Code) อีกด้วย
อนุสาวรีย์สก็อต (Scott Monument)
อนุสาวรีย์สก็อต ตั้งอยู่ในสวน Princes Street ทางด้านฝั่งตะวันออกของเมืองเอดินบะระ ลักษณะเป็นหอคอยสูงสไตล์วิกตอเรียโกธิค สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึง เซอร์วอลเตอร์ สก็อต นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของสก็อตแลนด์ ด้วยความสูงถึง 60.9 เมตร ด้านบนของอนุสาวรีย์สก็อตเป็นจุดชมวิวที่จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองเอดินบะระได้ทั้งเมือง ส่วนด้านล่างเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานต่างๆ ของเซอร์วอลเตอร์ ได้ชมวิวสวยๆ สถาปัตยกรรมเลอค่า และผลงานวรรณกรรมระดับโลกแบบนี้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ ทัวร์สกอตแลนด์ ที่ไม่ควรพลาดชมเลย
ศูนย์แสดงศิลปะแห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Gallery)
เป็นสถานที่ที่ใช้เก็บรักษาและจัดแสดงงานศิลปะอันทรงคุณค่าของชาติสกอตแลนด์นับแต่สมัยเรอแนสซองส์ตอนต้น ไปจนถึงช่วงท้ายศตวรรษที่ 19 ผนังอาคารได้รับการตกแต่งด้วยผลงานชิ้นเอกของศิลปินผู้เลื่องชื่อ เช่น ราฟาเอล, เวลาสเกซ และ เวอร์เมียร์ ไปจนถึงเซซาน, แวน โกะห์ รวมทั้งยังเป็นที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะของศิลปินชาวสกอตอีกด้วย
นั่งซิตี้บัสทัวร์
หากยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเดินทางท่องเที่ยวที่ไหนดี เราขอแนะนำให้ซื้อทัวร์กับรถซิตี้บัส ที่จะนำคุณไปสู่สถานที่ท่องเที่ยวอันน่าสนใจมากมาย โดยเขาจะแวะจอดบริเวณสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญให้คุณได้ไปสัมผัสแบบครบถ้วน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะหลงทางหรือปวดหัวกับการวางแผนท่องเที่ยวเลย โดยรถซิตี้บัสทัวร์จะมีบริการในทุกเมืองใหญ่ เช่น กลาสโกว์, เอดินเบอระ และโอบาน เป็นต้น งานนี้เรียกว่านอกจากจะได้บรรยากาศในการนั่งรถทัวร์ชมเมืองแล้ว ยังนับว่าคุ้มค่ามากทีเดียว เพราะราคาเริ่มต้นสำหรับผู้ใหญ่นั้นอยู่ที่ไม่เกินหนึ่งพันบาท เรียกว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย
พระราชวัง ฮอลลีวูด (Holyrood Palace)
พระราชวังฮอลีรูด สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ใช้เป็นพระราชวังหลักของพระมหากษัตริย์และพระราชินีสกอตแลนด์ มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของรอยัลไมล์ ตรงข้ามกับปราสาทเอดินบะระ ปัจจุบันเป็นที่พำนักอย่างเป็นทางการของราชวงศ์อังกฤษในสกอตแลนด์ และเปิดให้บริการแก่สาธารณชนเข้าเยี่ยมชมทัศนียภาพโดยรอบและบรรยากาศภายในพระราชวังได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงเวลาที่สมาชิกของราชวงศ์ประทับอยู่ในที่พำนัก ใครควงแฟนมา ทัวร์สกอตแลนด์ และอยากเก็บภาพวังสวยๆ สไตล์โกธิค ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ขอแนะนำ
สวนสัตว์ เอดินเบอระ (Edinburgh Zoo)
เป็นบ้านของสัตว์ต่างๆมากกว่า 1,000 ชนิดจากทั่วทุกมุมโลก รวมไปถึงแพนด้ายักษ์ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมสไตล์ครอบครัว สิ่งที่น่าสนใจสำหรับสวนสัตว์แห่งนี้ ได้แก่ การชมขบวนพาเหรดนกเพนกวินแสนน่ารัก และมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลิงชิมแพนซีอย่างที่ไม่เคยมาก่อนที่สถานที่จัดแสดงบูดองโกเทรลอันสุดแสนจะทันสมัย เป็นต้น
บ๊อบบี้ (Greyfriars Bobby)
เป็นสุนัขสายพันธุ์ Skye Terrier บ๊อบบี้เป็นสุนัขของ John Gray ซึ่งเป็นตำรวจคอยทำหน้าที่เฝ้าระวังภัยยามค่ำคืน จนกระทั่งวันนึง John Gray ได้เสียชีวิตลงด้วยโรควัณโรค ร่างของเค้าถูกฝังอยู่ที่ Greyfriars Kirkyard ในเมืองเอดินเบอระ สกอตแลนด์ บ๊อบบี้สุนัขที่แสนจะซื่อสัตย์ได้นั่งเฝ้าหลุมฝังศพของ John Gray เจ้านายของมันมาตลอดระยะเลา 14 ปี นอกจากเวลาที่มันหิวซึ่งมันจะไปหาอาหารกินที่บบริเวณร้านอาหารที่อยู่ใกล้ๆกันกับหลุมฝังศพของเจ้านายมัน และในช่วงฤดูหนาวมันก็จะหาที่หลบหนาวอยู่แถวบ้านของคนที่อยู่ใกล้ๆกับหลุมฝังศพเจ้านาย บ็อบบี้เสียชีวิตในปี 1872 แต่ร่างของมันไม่สามารถถูกฝังอยู่ในบริเวณสุสาน (Greyfriars Kirkyard) ร่วมกับมนุษย์ได้ เพราะว่าสถานที่นั้นถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่สุดท้ายก็มีการตกลงให้ฝังร่างของมันไว้ตรงบริเวณด้านในของประตูทางเข้าของ Greyfriars Kirkyard ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพของเจ้านายมันมากนัก อนุเสาวรีย์ของเจ้าบ็อบบี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสุนัขตัวเล็กๆ ตัวนึงที่มีความซื่อสัตย์และยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ปรินส์ สตรีท(Princes Street)
ถนนปรินส์ สตรีท ถนนช้อปปิ้งที่สวยงามไปด้วยตึกรูปทรงยุโรปเก่าแก่สองข้างทาง ภายในเป็นร้านค้าให้ ไปเลือกช้อปกัน ส่วนใครที่ไม่อยากช้อปก็สามารถแวะไปชมงานศิลปะที่หอศิลป์แห่งชาติสกอตแลนด์ (Scottish National Gallery) หรือจะไปอนุสาวรีย์สกอต (Scott Monument) เพื่อชมอนุสาวรีย์สไตล์โกธิคสูงกว่า 200 ฟุตก็ได้ นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังสามารถขึ้นไปด้านบนเพื่อชมวิวของเมืองเอดินเบิร์กได้อีกด้วย
พิพิธภัณฑ์ริเวอร์ไซด์ (Riverside Museum)
เปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกปี พ.ศ. 2554 พิพิธภัณฑ์ริเวอร์ไซด์อันสง่างามแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำไคลด์และยังป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์การขนส่งแห่งนครกลาสโกว์อีกด้วย เป็นสถานที่จัดเก็บวัตถุและยานพาหนะต่างๆที่น่าทึ่งไว้มากมาย ซึ่งสามารถบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาจากอดีตถึงปัจจุบันของสกอตแลนด์ได้เป็นอย่างดี
The Scotch Whisky Heritage Centre
เป็นศูนย์จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาชองวิสกี้ให้ชมทั้งกรรมวิธีการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนแรกๆ ไปจนถึงการบรรจุลงขวด ด้วยภาพจำลอง หุ่นแสดงและวีดีโอ ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมวิสกี้ยี่ห้อต่างๆกว่า 3,000 ขวดไว้ให้ได้ชมกัน เรียกได้ว่ามีแทบทุกยุคทุกสมัยเรียงรายกันอย่างสวยงาม ละลานตา นอกจากจะจัดแสดงแล้วทางศูนย์จัดแสดงยังมีการเชิญวิทยากรมาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของวิสกี้ สาธิตการทำวิสกี้ รวมถึงไฮไลท์ของงานอย่างการให้นักท่องเที่ยวได้ชิมวิสกี้ มีโต๊ะให้ได้นั่งลิ้มลองรสชาติกันอย่างสบายใจ นับเป็นสวรรค์ของนักดื่มเลยทีเดียว
ย่านเมืองเก่าเอดินเบิร์ก(Old Town Edinburgh)
ย่านนี้คือย่านเมืองเก่าหรือย่าน Old Town นั่นเอง นับเป็นย่านที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ได้กลิ่นอายของยุคกลาง ตึกต่างๆ ก็เป็นตึกเก่าแก่สวยงามจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก สองข้างทางมีร้านรวงเก๋ๆ ให้เพื่อนๆ ได้ไปเลือกซื้อของกันได้ นอกจากนี้ยังมีถนนในย่านเมืองเก่าที่ชื่อว่าถนนวิคตอเรีย เป็นถนนเล็กๆ ที่สวยงาม มีการตกแต่งอาคารอย่างแปลกตาด้วยศิลปะแบบโมเสกที่ไม่ควรพลาดอ
สวนรุกขชาติ เอดินเบอระ (Royal Botanic Garden Edinburgh)
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2213 ได้รับการยกย่องให้เป็นสวนรุกขชาติที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สวนรุกขชาติเอดินเบรอะอันสงบร่มรื่นแห่งนี้มีพื้นที่ทั้งหมดรวม 72 เอเคอร์ และเป็นสวนรุกขชาติแสนสวยเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ท่ามกลางความจอแจในย่านใจกลางเมืองเอดินเบรอะแห่งนี้
Holyrood Park and Arthur’s Seat
สวน Holyrood Park อยู่ไม่ไกลจาก Royal Mile ซึ่งตั้งอยู่ที่ใจกลางของเมืองเอดินเบอระ สวนนี้มีพื้นที่ 640 เอเคอร์ อยู่ใกล้กับพระราชวัง Holyrood Palace จุดที่สูงที่สุดของสวนนี้ถูกเรียกว่า Arthurs Seat ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่สงบแล้ว มีระดับความสูง 251 เมตรเหนือน้ำทะเลซึ่งทำให้สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้ สวนนี้ยังเป็นที่ตั้งของป้อมปราการอันยิ่งใหญ่และแน่นหนาที่เป็น 1 ใน 4 ป้อมปราการที่สร้างขึ้นตั้งแต่เมื่อ 2,000 กว่าปีก่อน ด้วยความหลากหลายด้านธรณีวิทยาและพืชพันธุ์ชนิดต่างๆ ทำให้ที่นี่เหมาะสำหรับผู้ที่มีความสนใจในด้านวิทยาศาสตร์ด้วยเช่นกัน
พิพิธภัณฑ์สงครามแห่งชาติ (National War Museum)
ตั้งอยู่ภายในกำแพงของปราสาทเอดินเบรอะ พิพิธภัณฑสถานแห่งนี้ ถูกใช้เป็นที่จัดแสดงวัตถุและประดิษฐกรรมต่างๆ ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวในอดีตเกี่ยวกับสงครามที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ อัตลักษณ์ และชื่อเสียงของสกอตแลนด์ ในต่างแดน เป็นต้น
oyal Botanical Garden Edinburgh
เดินทางเพียงแค่ 1 ไมล์จากใจกลางเมือง สวนพฤกษศาสตร์ Royal Botanical Garden จะช่วยมอบความเงียบสงบให้กับผู้มาเยือนท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของพันธุ์ไม้นานาชนิดบนพื้นที่กว่า 72 เอเคอร์
อาร์เธอร์ส ซีท(Arthur’s Seat)
อาร์เธอร์ส ซีท เป็นเนินเขาขนาดใหญ่ในเมืองเอดินเบิร์ก มีความสูงจากตัวเมืองประมาณ 250 เมตร จึงเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดฮิตในการไปชมวิวของสกอตแลนด์ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเดินขึ้นเนินเขาจากทางทิศไหนก็ได้ แต่ทางที่นิยมมากที่สุดคือจากฝั่งตะวันออกเพราะทางเดินไม่ชันมาก นอกจากจะได้ขึ้นไปชมวิวเมืองเอดินเบิร์กสุดประทับใจบริเวณด้านบนแล้ว ตลอดสองข้างทางก็มีทัศนียภาพที่สวยงามเช่นกัน
ศูนย์แสดงศิลปะสไตล์โมเดิร์น (Gallery of Modern Art)
ด้วยรูปทรงอาคารที่โดดเด่นในสไตล์นีโอ-คลาสสิคและตั้งอยู่ในจัตุรัสโรยัลเอ็กเชนจ์แห่งนครกลาสโกว์ ทำให้มองดูราวกับว่า นี่คือผลงานศิลปะร่วมสมัยชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับอิทธิพลมาจากความสนใจ วิถีการทำงาน การสร้างสรรค์ และการรังสรรค์โดยศิลปินจากทั่วทุกมุมโลกเลยก็ว่าได้
Old Town Edinburgh
เป็นแหล่งรวมของถนนอันซับซ้อนที่ปูด้วยหิน ตรอกซอกซอยเล็กๆและสนามหญ้าในบริเวณที่ลับตาผู้คนซึ่งถูกรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาตั้งแต่ในอดีต ศุนย์กลางของถนนเหล่านี้คือถนน Royal Mile ถนนที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงการปฏิรูปสิ่งปลูกสร้างอาคารบ้านเรือน โดยทอดยาวตั้งแต่ปราสาท Edinburgh Castle ที่ Castle Rock ไปจนถึง Palace of Holyroodhouse
Old Town Edinburgh นับเป็นสถานที่ที่มีความน่าสนใจตลอดทั้งปี แต่ที่นี่จะมีเสน่ห์ดึงดูดให้ผู้คนมาเที่ยวได้มากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม ยามเมื่อผู้คนหลั่งไหลกันเข้ามาและเมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งจากบรรยากาศอันรื่นเริงของงานเทศกาล Edinburgh Fringe and Festival
คาร์ลตัน ฮิลล์ (Calton Hill)
คาลตันฮิลล์ หรือเนินคาลตัน เป็นเนินที่ไม่สูงมาก ใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงยอดไม่นาน บริเวณด้านบนมีอนุสาวรีย์คือ อนุสาวรีย์เนลสัน ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกล้องโทรทรรศน์ และแบบจำลองวิหารพาร์เธนอนในเอเธนส์ให้เพื่อนๆ สามารถไปชมได้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะขึ้นไปเพื่อชมวิวเมืองอันสวยงามของเอดินเบิร์ก ด้วยความที่คาลตันฮิลล์อยู่ใกล้เมืองมากกว่าอาร์เธอร์ส ซีท และเดินง่าย จึงทำให้เป็นที่นิยมมากกว่า
Stirling Castle (ปราสาท สเตอร์ลิง)
ปราสาทที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแห่งนี้ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ยังคงสามารถอนุรักษ์อาคารแบบเรอแนสซองซ์ได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร ปราสาทสเตอร์ลิ่งแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่กษัตริย์และพระราชินีหลายพระองค์โปรดให้ใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์มาเป็นระยะเวลายาวนานในอดีต
National Museum of Scotland
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสกอตแลนด์ ติด 1 ใน 10 สุดยอดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวของสหราชอาณาจักร และยังติด 1 ใน 20 อันดับพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรี่ที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลกอีกด้วย
หลังการปรับปรุงใหม่ด้วยงบกว่า 47 ล้านปอนด์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีศิลปโบราณวัตถุอันล้ำค่าอยู่กว่า 20,000 ชิ้น คอลเลคชั่นอันงดงามตระการตาเหล่านี้จะนำพาคุณสู่การเดินทางอันเร้าใจผ่านประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ วัฒนธรรมต่างๆและความน่าตื่นเต้นของวิทยาศาสตร์และการค้นพบ ทั้งหมดนี้ภายในที่เดียว
พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์เคลวินโกรฟ (Kelvingrove Art Gallery and Museum)
พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์เคลวินโกรฟเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ของสกอตแลนด์ที่ผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างก็นิยมไปกัน เพราะนอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในที่สุดจะยิ่งใหญ่อลังการแล้ว ภายในยังมีจุดแสดงผลงานศิลปะกว่า 22 จุดให้เพื่อนๆ ได้เข้าไปดูกัน ทั้งศิลปะยุคปัจจุบันและโบราณต่างก็มีให้เลือกชมมากมาย แถมที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สามารถเข้าได้ฟรีอีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากใครไปกลาสโกว์ก็ต้องห้ามพลาดแวะไปเที่ยวกัน
ลิฟต์ยกเรือฟอลเคิร์กวีล (The Falkirk Wheel)
ถือเป็นหนึ่งในความสามารถชั้นเลิศทางด้านวิศวกรรมเลยทีเดียว ฟอลเคิร์กวีล เป็นลิฟต์ที่ใช้ยกเรือแบบหมุนรอบเพียงแห่งเดียวในโลกและถูกใช้เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางทางน้ำระหว่างแม่น้ำฟอร์ธแอนด์ไคลด์กับคูคลองต่างๆทางตอนกลางของสกอตแลนด์ หากคุณได้มีโอกาสใช้บริการลิฟต์ยกเรือแห่งนี้สักครั้ง รับรองได้ว่าต้องเป็นประสบการณ์ที่พิเศษสุดที่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน
National Gallery of Scotland
หอศิลป์แห่งชาติสกอตแลนด์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของสกอตแลนด์ที่เปิดให้เข้าชมฟรี ภายในมีการจัดแสดงผลงานคอลเลคชั่นศิลปะของชาติตั้งแต่ช่วงยุคเรเนซองส์จนถึงช่วงสิ้นสุดศตวรรษที่ 19
ใช้เวลาเดินเล่นเที่ยวชมสถานที่อันเงียบสงบแห่งนี้ คุณจะได้พบกับผลงานชิ้นเอกของศิลปินมากมายในอดีตอย่าง Raphael, Velázquez และ Vermeer ไปจนถึง Monet, Cézanne และ Van Gogh สำหรับชาติที่ไม่ใหญ่มากนักอย่างสกอตแลนด์ คอลเลคชั่นเหล่านี้นับได้ว่าเป็นของชั้นเยี่ยมของโลกเลยทีเดียว
วิหารกลาสโกว์(Glasgow Cathedral)
วิหารกลาสโกว์ วิหารสไตล์โกธิคสุดยิ่งใหญ่จากยุคกลาง เป็นหนึ่งในวิหารที่เก่าแก่ที่สุดของสกอตแลนด์ และเป็นวิหารแห่งเดียวจากยุคนั้นที่ไม่ถูกทำลายในการปฏิรูปศาสนาโดยฝ่ายโปรเตสแตนต์ ปัจจุบันภายในวิหารยังถูกใช้งานในการประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ทุกวันอาทิตย์ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถไปชมได้ทั้งภายนอกและภายใน รับรองว่าจะสามารถสัมผัสได้ถึงความขลังและต้องตกตะลึงไปกับความสวยงามของสถาปัตยกรรมโบราณแห่งนี้อย่างแน่นอน
ศูนย์วิทยาศาสตร์กลาสโกว์ (Glasgow Science Centre)
พบกับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในรูปแบบที่สนุกสนานและไม่เหมือนใครได้ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์ กลาสโกว์ ให้คุณได้เพลินเพลินไปกับการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบนเนื้อที่กว่า 2 เอเคอร์ที่เชื่อมต่อพื้นที่กันระหว่างห้องจัดแสดง ห้องปฏิบัติการเวิร์คช้อป การจัดการแสดง กิจกรรมอันหลากหลาย ห้องจัดแสดงท้องฟ้าจำลอง รวมทั้งโรงภาพยนตร์ IMAX เป็นต้น
Stirling Castle
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสก็อตแลนด์ ในอดีตเคยเป็นที่อยู่อาศัยของราชาและราชินี Stewart ในปราสาทมีการตกแต่งด้วยรูปปั้นมากมายและภายนอกก็มีสวนที่สวยงามจึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของราชาและราชินี Stewart และผู้คนมากมาย
ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนมากมายเข้ามาเยี่ยมชม เมื่อเข้ามาจะมีคนที่แต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด, เจ้าหน้าที่ศาล, แม่บ้านและเหล่าคนรับใช้คอยต้อนรับในบรรยากาศแบบยุคศตวรรษที่ 16 ครอบครัวสามารถสนุกกับกิจกรรมที่ห้องใต้ดินของปราสาทได้เช่น การให้เด็กๆแต่งกายด้วยชุดที่เข้ากับบรรยากาศและเล่นสวมบทบาทเป็นคนในยุคกลาง
ที่ระเบียงดาดฟ้าของปราสาทมีร้านอาหาร Unicorn Café ที่ให้เพลิดเพลินไปกับอาหารแบบชาวสก็อตพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์จากบนปราสาทไปด้วย นับเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ควรพลาด
The Scottish Parliament (รัฐสภาสกอตแลนด์)
เป็นอาคารรูปทรงทันสมัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตั้งอยู่ใจกลางพื้นที่เมืองมรดกโลกแห่งเอดินเบรอะ การเยี่ยมชมห้องประชุมแห่งรัฐสภาหรือเดินเที่ยวชมรัฐสภาโดยรอบเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตาของอาคาร ระบบรัฐสภาและการชื่นชมของสะสมอันทรงคุณค่าต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมกระทำกันเมื่อมีโอกาสได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้
Balmedie Beach
ชายหาดที่สวยงาม มีเนินทรายมากมายอยู่ทางด้านหลังของชายหาด ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง ระยะทางเพียงแค่ 5 ไมล์จากเมือง Aberdeen
พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งประชาชน (The People’s Palace Museum)
ตั้งอยู่ภายในเขตกลาสโกว์ กรีน พิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งประชาชนซึ่งเป็นที่เก็บรักษาโบราณวัตถุและการบอกเล่าเรื่องราวของทั้งเมืองและผู้คนในเมือง นอกจากนั้น สถานที่แห่งนี้ยังมีพื้นที่ติดกับสวนสาธารณะวินเธอร์การ์เด้นที่สวยงามร่มรื่น ซึ่งมีการปลูกต้นปาล์ม ต้นไม้และพืชพันธุ์ต่างๆที่สวยงามไว้มากมาย
Urquhart Castle (ปราสาทอาฟการ์ต)
ซากปราสาทที่สวยงามมีมนต์ขลังราวกับในเทพนิยายแห่งนี้ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลสาบล็อคเนสอันลือชื่อ ซากปรักหักพังของปราสาทเหล่านี้มีอายุเก่าแก่ย้อนกลับไปได้ถึงพันกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถยืนยันและบอกเล่าเรื่องราวถึงประวัติศาสตร์โบราณและความเป็นมาของพื้นที่สูงแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี
อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นี (Killarney National Park)
ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า “คิลลาร์นี” ในเขตการปกครองเคาน์ตี้เคอร์รี อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นีนั้นงดงามไปด้วยแนวเทือกเขา ทะเลสาบและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 10,236 เฮกเตอร์ และยังเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวของประเทศไอร์แลนด์ที่ยังมีกวางแดงท้องถิ่นอาศัยอยู่ (ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มายาวนานกว่า 12,000 ปีแล้ว) นอกจากนี้ยังมีทั้งปลา แมลงและนกหลากหลายสายพันธุ์ เช่น อินทรีทะเลหางขาว อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ส่วนด้านนอกพื้นที่เขตอุทยาน คุณสามารถไปเที่ยวชม “แก็บ ออฟ ดันโล” ช่องเขาอันลือชื่อที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสำรวจเส้นทางโดยใช้รถม้าขนาดเล็ก (pony-and-trap) ที่ควบคุมโดย “จาร์วีย์” หรือผู้ควบคุมม้า นั่นเอง
The Rock of Cashel
หินแคเชลไม่ได้เป็นแต่เพียงแค่ก้อนหินเท่านั้น แต่มันเป็นปราสาทโบราณที่ตั้งตระหง่านบนเนินเขาสีเขียวบนที่ราบของเขตปกครองเคาน์ตี้ทิพเพอรารี นับเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของโครงสร้างอาคารทางศาสนาที่เก่าแก่ ทั้งหอสวดมนต์แบบโรมาเนสก์ในศตวรรษที่ 12 และวิหารแบบโกธิคที่สร้างในสมัยศตวรรษที่ 13 แต่ความเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้สามารถย้อนอายุกลับไปได้ยาวนานกว่านี้มากกว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นถือเป็นสัญลักษณ์ในการปกครองอาณาจักรทั้งของพระมหากษัตริย์และนักบวชในศาสนาเคยที่ปกครองภูมิภาคนี้มาอย่างยาวนานในอดีต
บรู นา บวา เน (Brú Na Bóinne )
บรู นา บวนเน มีความเก่าแก่ยิ่งกว่าสโตนเฮนจ์และปิรามิดของอียิปต์เสียอีก ตั้งอยู่ในเขตปกครองเคาน์ตี้มีธ เป็นสถานที่พิศวงที่ยากจะเข้าใจได้ของมนุษย์ในยุคโบราณ สุสานที่มีความพิเศษที่รวมไปถึงช่องทางไปยังหลุมฝังศพนิวกรันจี ที่ก่อสร้างขึ้นในราวยุคหิน ช่วง 3,200 ปีก่อนคริสตกาล ห้องโถงขนาดใหญ่ภายในหลุมฝังศพ มีความน่าอัศจรรย์ตรงที่ห้องถูกออกแบบมาให้แสงแดดในช่วงฤดูหนาวสามารถส่องเข้าไปถึงภายในห้องโถงได้อย่างพอดิบพอดี เป็นต้น
ตัวมืองเบสฟาสท์
สำหรับบรรยากาศเมืองเบลฟาสท์ ถ้าเทียบเมืองใหญ่ๆในสก็อตแลนด์หรืออังกฤษ ต้องบอกว่ายังอาจจะเจริญไม่เท่า ตึกรามบ้านช่องส่วนมากจะยังเป็นสไตล์โบราณ ไม่ค่อยมีตึกทันสมัยเท่าไหร่ เว้นแต่ละแวกใจกลางเมืองหรือย่านช็อปปิ้ง ที่พอจะมีตึกโมเดิลให้เห็น แต่ส่วนมากจะเป็นตึกสไตล์โบราณ อารมณ์เมืองเหมือนย้อนอดีตกลับไปประมาณสิบปี ซึ่งจุดนี้เป็นอะไรที่ถูกใจคนชอบสิ่งโบราณแน่นอน
สะพานยักษ์ (Giant’s Causeway)
ระหว่างเมืองเบลฟาสต์ของกับเมืองที่มีกำแพงล้อมรอบ เช่น เมืองเดอร์รี และเมืองลอนดอนเดอร์รีในเขตปกครองเคาน์ตี้ แอนทริมในแคว้นไอร์แลนด์เหนือของสหราชอาณาจักร สะพานยักษ์ได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยาขององค์การยูเนสโก สถานที่แห่งนี้ก่อตัวขึ้นจากลาวาภูเขาไฟที่เย็นตัวลงเมื่อ 60 ล้านปีที่แล้ว ก่อให้เกิดแท่งเสาหินรูปทรงหกเหลี่ยมจำนวนกว่า 40,000 ก้อนโผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล ซึ่งทำให้เกิดตำนานที่เล่าขานกันว่าเกิดขึ้นมาจากการสร้างสรรค์ของยักษ์ที่มีชื่อว่า ฟินน์ แม็คคูล สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะนำไปใช้ต่อสู้กับยักษ์อีกตนที่มีชื่อว่า เบนานดอนเนอร์ในฝั่งสกอตแลนด์
คาบสมุทรดิงเกิ้ล (The Dingle Peninsula)
เป็นคาบสมุทรที่ยื่นออกไปในทะเล ตั้งอยู่ในเขตปกครองเคาน์ตี้เคอร์รรี มีทัศนียภาพที่สวยงาม ตระการตาไปด้วยหาดทรายสะอาดตาที่เหมาะแก่การว่ายน้ำ และการโต้คลื่น ตัดกับท้องน้ำมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ถือเป็นเมืองหลวงของหมู่บ้านชาวประมง ณ ที่นี้ จะเต็มไปด้วยถนนหนทางที่คดเคี้ยวไปมามามายหลายเส้นทางจนคุณต้องทึ่ง และร้านขายสินค้างานศิลปะและหัตถกรรมตั้งเรียงรายริมถนนหนทางต่างๆมากมาย นอกจากนี้ คุณยังจะได้พบกับร้านผับบาร์สไตล์โบราณย้อนยุค และภัตตาคารอาหารทะเลชั้นเลิศต่างๆที่เชิญชวนให้คุณต้องมาลิ้มลอง
หน้าผาโมเฮอร์ (Cliffs of Moher )
หน้าผาสูงที่ตั้งฉากกับมหาสมุทรในเขตปกครองเคาน์ตี้แคลร์แห่งนี้ มีความสูงโดยเฉลี่ยถึง 203 เมตร (666 ฟุต) จากระดับน้ำทะเล ในวันที่อากาศสดใส ทัศนีภาพของหน้าผาโฮเมอร์ก็จะยิ่งสวยงามตระการตาเป็นอย่างมาก โดยสามารถมองเห็นหมู่เกาะอารันและอ่าวแกลเวย์ได้อย่างชัดเจน บริเวณริมขอบหน้าผา คุณสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็น ความชุ่มชื้น และละอองน้ำที่ถูกลมพัดพามาจากมหาสมุทรแอตแลนติก และคุณก็ยังสามารถได้ยินเสียงคลื่นที่กระทบชายฝั่งที่เต็มไปด้วยหินดินดานและหินทรายเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน
วรรณกรรมแห่งกรุงดับลิน (Literary Dublin)
ชาวไอริชไม่ใช่ชนชาติที่มักพูดจาฉะฉานแต่เพียงเท่านั้น พวกเขายังมีพรสวรรค์ทางด้านงานเขียนเป็นอย่างมากอีกด้วย ดูได้จากการที่มีนักเขียนชาวไอริชเคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมมาแล้วถึง 4 คนด้วยกัน คุณสามารถค้นหาหนังสือ จดหมาย ต้นฉบับงานเขียน หรือการฟังการบันทึกข้อความเสียงต่างๆที่เก็บรักษาเอาไว้ได้ ที่อาคารแมนชั่นสไตล์จอร์เจียซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์กวีแห่งกรุงดับลิน จากนั้น เดินทอดน่องไปชมห้องสมุดเก่าแก่ที่สวยงามของวิทยาลัยทรินิตี้ สถานที่ซึ่งเป็นที่เก็บรักษาคัมภีร์แห่งเคลส์ที่สำคัญของคริสตศาสนา ซึ่งถูกเขียนขึ้นราวคริสตศักราชที่ 800 และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด หากคุณเดินทางไปเยือนกรุงดับลินในช่วงวันที่ 16 มิถุนายนของทุกๆปี คุณจะพบกันฝูงชนจำนวนมากที่พากันแต่งตัวในชุดย้อนยุคสมัยวิกตอเรียเดินไปตามถนนหนทางต่างๆในงานเทศกาลบลูมส์เดย์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองงานวรรณกรรมชิ้นเอกชื่อก้องโลก “ยูลิสซิส” (Ulysses) หรือก็คือ โอดิสซีอุส (Odysseus) ของนักประพันธ์ชาวไอริช นามว่า เจมส์ จอยซ์ เป็นต้น
อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นี (Killarney National Park)
ห่างออกไปไม่ไกลมากนักจากเมืองเล็กๆที่มีชื่อว่า “คิลลาร์นี” ในเขตการปกครองเคาน์ตี้เคอร์รี อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นีนั้นงดงามไปด้วยแนวเทือกเขา ทะเลสาบและป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้มีพื้นที่ครอบคลุมกว่า 10,236 เฮกเตอร์ และยังเป็นพื้นที่เพียงแห่งเดียวของประเทศไอร์แลนด์ที่ยังมีกวางแดงท้องถิ่นอาศัยอยู่ (ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้มายาวนานกว่า 12,000 ปีแล้ว) นอกจากนี้ยังมีทั้งปลา แมลงและนกหลากหลายสายพันธุ์ เช่น อินทรีทะเลหางขาว อาศัยอยู่ที่นี่ด้วย ส่วนด้านนอกพื้นที่เขตอุทยาน คุณสามารถไปเที่ยวชม “แก็บ ออฟ ดันโล” ช่องเขาอันลือชื่อที่ผู้คนนิยมเดินทางไปสำรวจเส้นทางโดยใช้รถม้าขนาดเล็ก (pony-and-trap) ที่ควบคุมโดย “จาร์วีย์” หรือผู้ควบคุมม้า นั่นเอง
เมืองกัลเวย์ (Galway City)
ตั้งอยู่บนอ่าวรูปทรงโค้งทางชายฝั่งตะวันตกของไอร์แลนด์ เมืองแกลเวย์เป็นสถานที่อันยอดเยี่ยมสำหรับการเดินทางไปยังเกาะอารันและพื้นที่ที่มีลักษณะภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับกับที่ราบเป็นลูกคลื่นที่อยู่ห่างไกล ของแคว้นคอนเนอมารา และเมืองที่เต็มไปด้วยกรวดหินเหล่านี้ คุณสามารถดื่มด่ำไปกับสเน่ห์ของย่านผับบาร์อย่างเครนแอนด์ทาฟฟ์ส์ ฟังดนตรีเพราะๆได้บรรยากาศที่ย่านรอยซินดับฮ์ หรือไปร่วมเชียร์ทีมฟุตบอลกัลเวเจียนส์กันแบบมันส์ๆได้ที่ย่านเดอะบลูโน้ต เป็นต้น